จุงกิง เซ็กซ์เพรส
วีรกรรมแห่งความรักที่จะพลิกให้เห็นแง่มุมใหม่ของประวัติศาสตร์ นิยายที่ทำให้เอกสารประวัติศาสตร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวบท สไตล์ที่แตกต่างและหลายคนยกให้เป็นมาสเตอร์พีชของอนุสรณ์ ติปยานนท์ นิยายที่จะดึงดูดคุณด้วยพลังแห่งการเล่าและเสน่ห์ของความคลุมเครือ
หนังสือ จุงกิง
เซ็กซ์เพรส (พิมพ์ครั้งที่ 2)
ผู้เขียน อนุสรณ์ ติปยานนท์
สำนักพิมพ์ Shine Publishing House
เวลาพิมพ์ ตุลาคม 2021
ISBN 9786167939162
ขนาดรูปเล่ม กว้าง 105 มม. สูง 178 มม. หนา 8.5
มม.
เนื้อใน กระดาษถนอมสายตา พิมพ์ขาวดำ
ปก สี่สี เคลือบซอฟท์ทัช
จำนวนหน้า 144 หน้า
ราคาปก 165 บาท
สั่งซื้อ ร้านสำนักพิมพ์ไชน์
โปรยปกหน้า
นิยายรัก
นักฆ่าและการคืนดีกับอดีต
โปรยปกหลัง
สิ่งที่เปิดเปลือกในนิยายเล่มนี้จึงอาจเป็นการ reconcile กับอดีตรูปแบบหนึ่ง
ทั้งนี้คือประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับการบอกเล่าหรือถูกหลงลืมไป
นัยหนึ่งภายใต้ความอัปยศ และนัยหนึ่งภายใต้การกลืนกินของชาติในกระแสสำนึกใหม่
Kalil
Pitsuwan
การเล่าเรื่องของอนุสรณ์
ติปยานนท์ เต็มด้วยเสน่ห์ ยวนเย้า ดึงดูดใจ ประกอบขึ้นด้วยเกร็ดเรื่องราวแตกย่อยอันชวนสนเท่ห์
ทั้งในบันทึกปากคำ เอกสารประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า บทสัมภาษณ์
สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้ และเลือนสภาพเดิม (ข้อเท็จจริง) จนกลายเป็นเรื่องเล่า
ส่งผลให้เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอนุสรณ์
ติปยานนท์ คือนักเล่าเรื่องร่วมสมัยที่มีเสน่ห์อันคลุมเครือมากที่สุดคนหนึ่งของไทยไปโดยปริยาย
อุทิศ
เหมะมูล
พลังของการเล่าทำให้ความสะเทือนใจต่อผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองกลับมาปรากฏจับต้องได้อีกครั้ง
รชา
พรมภวังค์
คำนำผู้เขียน
แน่นอนทุกคนย่อมคาดเดาได้ว่า
ชื่อหนังสือ จุงกิง เซ็กซ์เพรส เล่มนี้คงมีที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง Chungking Express ของ หว่องกาไว เป็นแน่ แต่การกล่าวอ้างเช่นนี้ไม่ได้บ่งบอกอะไรเลย
ดังนั้นผมจึงคิดว่าควรเขียนอะไรถึงมันบ้างเล็กน้อย
ความคิดเกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ผมอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ว่าด้วยการสร้างทางรถไฟสายใต้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ในหนังสือเล่มนั้นมีบันทึกถึงการเปิดโรงแรมเพื่อรองรับเหล่าทหารหาญชาวญี่ปุ่น
โรงแรมแห่งนั้นมีชื่อว่า ยุงกิง หรือ จุงกิง
และเมื่อโรงแรมแห่งนั้นมีชื่อว่าจุงกิง มันจึงชวนให้ข้องเกี่ยวกับ Chungking
Express และเมื่อโรงแรมแห่งนั้นเป็นไปเพื่อการดับกำหนัดของทหาร
มันจึงง่ายที่ทุกอย่างจะสรุปที่คำว่า Chungking Sexpress
อันที่จริง
คำว่า จุงกิง นั้นอยู่ในใจผมมาเนิ่นนานแล้ว นับจากผมได้อ่านบทกวีที่ เหมาเจ๋อตง
เขียนถึง หลิ่วย่าจือ ที่ว่า
ขณะที่ใบไม้กลายเป็นสีเหลือง
ฉันยังไม่ลืมนํ้าชาที่เราดื่มในกวางเจา
บทกวีที่คุณถามถึงในจุงกิง
ยังจำได้
สามสิบปีผ่านไป
ฉันได้กลับมายังมหานครเก่าแก่แห่งนี้
ยามที่ฤดูดอกไม้ร่วงหล่น
ฉันได้อ่านบทกวีไพเราะของคุณ
ระวังอย่าปล่อยให้หัวใจของคุณโศกเศร้าเกินควร
บทกวีบทนี้
ผมอ่านพบในสมัยเป็นนักศึกษา และจดมันไว้ในสมุดจดคำบรรยายแทบทุกเล่ม จุงกิง
สำหรับผมจึงหมายถึงบทกวีของเหมา
และความเปลี่ยวเหงาแบบเดียวกับในภาพยนตร์ของหว่องกาไว
สองสิ่งนี้แทบจะเป็นโครงสร้างหลักของนวนิยายเล่มนี้ ความรักที่ไม่สมหวัง
ใจที่โศกเศร้าเกินควร บุคคลที่ตามหาในสิ่งที่ตนเองไม่อาจครอบครองได้
ทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ในตัวละครอันอุบัติจากจินตนาการ
สิ่งสุดท้ายคือนวนิยายเล่มนี้
ประกอบจากโครงสร้างของตัวบทที่ผิดแผกแตกต่างสองประการ ในบทที่เป็นเลขคี่
จะเป็นสิ่งที่ถูกเขียนโดยผู้อื่น ในบทที่เป็นเลขคู่คือสิ่งที่ผมเขียนขึ้นเอง
นี่อาจเป็นการพยายามทดลองอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ
ว่ามันจะส่งผลต่อการรับรู้ของผู้อ่านอย่างไร อันเป็นสิ่งที่ผมสนใจมาก
ส่วนความสำเร็จหรือล้มเหลวของการทดลองเช่นนี้คงเป็นเรื่องของอนาคตแล้ว
อนุสรณ์
ติปยานนท์
กรุงเทพฯ
2558
คำนิยมจากผู้อ่านบางส่วน
หนังสือของคุณอนุสรณ์
ติปยานนท์เล่มนี้สำหรับเราไม่ได้เป็นเพียงนวนิยายเล่มหนึ่ง แต่ทำให้เรารับรู้ถึงเรื่องราวบางอย่างและได้ฉุกคิดในช่วงเวลาสั้น
ๆ ถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่พาเราค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและได้พบสิ่งที่เกิดขึ้นและอยู่นอกเหนือเรื่องราวในตำราเรียนที่สอนเพียงประเทศอะไรรบกับประเทศอะไรในสงคราม ทว่าเราได้เห็น ได้รับรู้เรื่องราวของผลกระทบจากเหตุการณ์สงคราม
เรื่องราวที่อยู่ในเงามืดและผู้เขียนประวัติศาสตร์พยายามจะซ่อนมันให้เป็นเพียงอดีตอันน่าอับอาย
Minimore
น่าตื่นเต้น
และให้ความรู้สึกดูเวิ้งว้าง หดหู่ ของการจากลาได้อย่างน่าตรึงใจ
With
the old boy
สิ่งที่เปิดเปลือกในนิยายเล่มนี้จึงอาจเป็นการ reconcile กับอดีตรูปแบบหนึ่ง
ทั้งนี้คือประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับการบอกเล่าหรือถูกหลงลืมไป
นัยหนึ่งภายใต้ความอัปยศ และนัยหนึ่งภายใต้การกลืนกินของชาติในกระแสสำนึกใหม่
สิ่งที่น่าสนใจจึงเป็นการปะทะกันทางความคิด การโหยหา ของคนในสองพื้นที่เวลา
ที่ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์เชื่อมต่อกันเสียทีเดียว
เพียงแต่ต่างโหยหาสิ่งที่จะปลดเปลื้องตัวตนของพวกเขา อ่านจบสิ่งที่เรารู้สึกคืออะไร
มันคือความว่างเปล่าของความทรงจำงั้นหรือ
หรือสุญญากาศของหน้าประวัติศาสตร์ที่หล่นหาย
ท้ายที่สุดเราได้เชื่อมต่อกับอดีตที่ตัวละครเอกเฝ้าตามหาหรือยัง
หรือเราเพียงแค่ได้รับรู้เรื่องราวเรื่องหนึ่งที่ไม่นานคงถูกหลงลืมไป
Kalil
Pitsuwan
ภาพซ้ำๆในความฝันไม่ใช่ความทรงจำเลือนรางอีกต่อไป
แต่กลายเป็นความจริง
ชะตากรรมของตัวละครคือบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่หล่นหาย
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงเรื่องแต่ง
แต่พลังของการเล่าทำให้ความสะเทือนใจต่อผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองกลับมาปรากฏจับต้องได้อีกครั้ง
บางทีเรื่องแต่งอาจทำหน้าที่สะท้อนความจริงบางด้านของสงครามที่ไม่เคยปรากฏในบทบันทึกทางประวัติศาสตร์
จุงกิงเซ็กซ์เพรสเป็นเรื่องเล่าที่ชวนให้หลงใหลและชวนให้แบกเป้ออกเดินทางอีกครั้ง
รชา
พรมภวังค์
“ทุกสิ่งที่เขาเล่ามีพลังแจ่มชัดและแสนจะดึงดูดใจ ฉันสามารถฟังเรื่องเล่าของเขาได้ไม่รู้เบื่อ...” หน้า 112
1.
การเล่าเรื่องของอนุสรณ์ ติปยานนท์ เต็มด้วยเสน่ห์ ยวนเย้า ดึงดูดใจ
ประกอบขึ้นด้วยเกร็ดเรื่องราวแตกย่อยอันชวนสนเท่ห์ ทั้งในบันทึกปากคำ
เอกสารประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า บทสัมภาษณ์ สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาใช้ และเลือนสภาพเดิม
(ข้อเท็จจริง) จนกลายเป็นเรื่องเล่า
ชิ้นส่วนเสี้ยวที่สอดแทรกอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้สุดท้ายแล้วเกลี่ยกลืนเข้าหาจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
ภายใต้บรรยากาศทึมเทา ขมุกขมัว คนอ่านถูกโน้มน้าวให้หลงใหลไปกับอากาศ บรรยากาศ
และหรือพื้นที่ ที่ถูกสร้างขึ้น นวนิยายเรื่องนี้เปรียบเหมือนห้องห้องหนึ่ง
ประกอบสร้างขึ้นจากพื้น ผนังและเพดาน แต่สิ่งที่ผู้ประพันธ์ต้องการ
(หรือสิ่งที่ผู้อ่านได้รับ) ไม่ใช่รูปทรงของห้อง หรือแบบแปลนที่ถูกสร้าง
หากแต่คือสเปซ บรรยากาศ และหรือ ‘อากาศ’ ต่างหาก และนี่คือมวล
และปริมาตรที่แท้จริงของจุงกิง เซ็กซ์เพรส
2.
ส่งผลให้เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอนุสรณ์ ติปยานนท์
คือนักเล่าเรื่องร่วมสมัยที่มีเสน่ห์อันคลุมเครือมากที่สุดคนหนึ่งของไทยไปโดยปริยาย
3.
เสน่ห์นี้ถูกจริตกับหลายคน แต่บางคนก็อาจจะไม่ และอาจดูไม่น่าเชื่อถือสำหรับบางคน
4.
เขาเรียนทางด้านสถาปัตยกรรมมา แต่สิ่งที่เขากอปรสร้างคือมวลอากาศ
ต้องใช้วัสดุและการออกแบบมากมาย
(อาจดูสิ้นเปลืองมากเพื่อกักปริมาตรของบรรยากาศที่เขาอยากได้)
อากาศที่เขากอปรได้คล้ายมวลโรแมนติก สร้างจากความลุ่มหลง เพื่อความรักใคร่
ไปสู่โศกนาฏกรรมพลัดพรากอันยิ่งใหญ่ (อุดมคติแบบกรีกโบราณ)
ต้องใช้อะไรไปมากมายเพื่ออรรถาธิบาย (เลือดเนื้อ ความตาย บาดแผล ประวัติศาสตร์
ตำนาน เอกสารข้อเท็จจริง) ทุกสิ่งที่จำต้องแลก แผดเผาไปสิ้น เพื่อย้อนกลับไปชุบชู
เชิดชู ทะนุถนอมความรู้สึกดั้งเดิม ยืนยันว่า ‘ความรัก’ พฤติการณ์ที่ทำเพื่อ...
มืดบอดเป็นไปเพื่อ... ดูไร้เหตุผลที่สุดเพื่อ... ชู ‘วีรกรรม’ อันควรค่าและสำคัญต่อมนุษย์
5.
ความรัก
6.
ความรักที่ถูกเขียนโดยท่าทีชุบชู ทะนุถนอม เข้าอกเข้าใจ
แม้ในเรื่องแปลกเพี้ยนพิสดาร คือโศลกสดุดีวีรกรรม และมันจะไปถึงซึ่งอุดมคติ (กรีก)
ได้ก็ด้วยโศกนาฏกรรมพันลึกในโลกสมัยใหม่ ความวิกล พิการ แปลกเปลี่ยว สูญหาย
ออกตามหาสะกดรอย พลัดหลงไปอยู่อีกพื้นที่หนึ่ง มิติหนึ่ง และหรือถูกเผาไหม้เหือดไป
สลายไป ไร้ตัวและตน กลายไปเป็นอีกสถานะหนึ่ง คืออากาศ คือบรรยากาศ สะเก็ดไฟชั่ววาบ
เม็ดฝุ่นละอองต้องแสง เงาดำหลังหางตา เหล่านี้คือชั่วขณะที่ถูกฉวยคว้า
และบันทึกไว้ในผลงานของอนุสรณ์ ติปยานนท์ทุกชิ้น
7.
แน่นอนอยู่ว่าจุงกิง เซ็กซ์เพรสสร้างบรรยากาศนั้นขึ้นได้
อากาศนั้นจุกอกใจจนแน่นขัด เป็นก้อนสะอึกสะอักขวางลำคอ อ้อยอิ่งทิ้งรสหวานลึก
สำหรับนักอ่านที่มองหาวีรกรรมความรักบทใหม่ในผลงานของอนุสรณ์ เขาและเธอจะพอใจ “ทุกสิ่งที่เขาเล่ามีพลังแจ่มชัดและแสนจะดึงดูดใจ
ฉันสามารถฟังเรื่องเล่าของเขาได้ไม่รู้เบื่อ...” แต่สำหรับบางท่านที่มองหารสชาติอื่นๆ
โครงสร้างและแบบแปลนอื่นก็คงจะไม่ได้
อุทิศ
เหมะมูล
Comments
Post a Comment