วิจารณ์กระบี่ไม้ไผ่
บทความ "ความรู้ของคนพาล" ของ
กระบี่ไม้ไผ่ ในนิตยสารเวย์เล่มล่าสุด เปิดเรื่องว่า
"หากเอาเสรีภาพไปวางคู่กับการปกครองด้วยเผด็จการ เสรีภาพย่อมโดดเด่นกว่าเสมอ
แต่ก็น่าคิดว่า หากปราศจากขอบเขต เสรีภาพนั้นควรได้รับการเชิดชูหรือไม่.."
บทความพูดถึงเสรีภาพทางวิชาการว่า
"..มีแง่มุมต้องพิจารณาให้ลึกซึ้ง ก่อนที่จะลงใจไปกับทางใดทางหนึ่ง...."
จากนั้นก็ยกเรื่องของไอน์สไตน์ขึ้นมาเล่าว่า
ไอน์สไตน์รู้สึกผิดที่ได้คิดทฤษฎีที่นำไปสู่การสร้างระเบิดปรมณูอย่างไร และยกคำพูด
(ที่อ้างว่าเป็นของ) ไอน์สไตน์มากล่าวว่า
"ถ้าข้าพเจ้ารู้ว่าทฤษฎีที่ข้าพเจ้าค้นพบจะนำมาซึ่งการทำลายล้างเช่นนี้
ข้าพเจ้าขอเป็นช่างทำนาฬิกาเสียดีกว่า"
ผู้เขียนสรุปใจความตรงส่วนนี้ว่า
เสรีภาพที่ปราศจากความรับผิดชอบจะก่อให้เกิดความเสียหายเดือนร้อน
และสรุปว่าขอบเขตสำคัญที่สุด (ของเสรีภาพ) คือ "เมตตาธรรม"
เสร็จแล้วผู้เขียนก็ไปพูดถึงเสรีภาพทางวิชาการ
และว่าเสรีภาพทางวิชาการถ้าตกอยู่ในมือของคนพาลก็ทำความเสียหายหรือทำลายโลกได้
จากนั้นผู้เขียนก็ยกนิทาน (ที่อ้างว่า)
มีอยู่ในพระไตรปิฎก เรื่อง สัฏฐิกูฏเปรต มาเล่า
นิทานเป็นเรื่องของชายขาพิการมีความเชี่ยวชาญในการดีดกรวด
วันหนึ่งพระราชามาเชิญชายคนนี้ไปช่วยดีดกรวดใส่ปุโรหิตคนหนึ่ง เพราะเป็นคนพูดมาก
พูดไม่หยุด ในเวลาว่าราชการ
พระราชาต้องการให้ชายขาพิการช่วยไปดีดของเข้าปากปุโรหิตคนนี้ เพื่อทำให้เขา
"พูดน้อยลง" ชายขาพิการก็ไป เมื่อปุโรหิตเริ่มพูด
ชายขาพิการก็ดีดขี้แพะใส่ปาก แต่ปุโรหิตก็พูดต่อจนขี้แพะหมดไปทั้งทะนาน
พระราชาจึงพูดว่า "พอเถิดท่านปุโรหิต
มีผู้ดีดขี้แพะเข้าปากท่านตั้งทะนานหนึ่งแล้วยังไม่ยอมหยุดอีก"
ปุโรหิตจึงปิดปากและพูดน้อยลงนับแต่นั้น และ "พระราชาก็มีความสุขยิ่ง"
เลยประทานภาษี 4 ตำบลให้ชายขาพิการเก็บกิน
ต่อมามีมาณพหนุ่มมาเรียนวิชาจากชายขาพิการ
จากกนั้นก็ไปดีดกรวดใส่หูพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าเป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าจึงตาย เหล่าศิษย์ของพระพุทธเจ้าจึง
"รุมตื้บมาณพผู้นี้จนขาดใจตาย" และผู้เขียนก็ยกคำของพระพุทธเจ้าขึ้นมาสอนว่า
ความรู้เกิดจากคนพาล
เพียงเพื่อความพินาศของคนพาลนั้น.....เพราะฉะนั้นการให้ความรู้แก่คน
จึงจำเป็นต้องให้ความดีหรือคุณธรรมควบคู่ไปด้วย........ฯลฯ
แล้วผู้เขียนก็สรุปในย่อหน้าสุดท้ายว่า
"ยุคสมัยนี้
คนจำนวนไม่น้อยเชิดชูเสรีภาพแต่ไม่พูดถึงเรื่องความรับผิดชอบ
เรื่องคุณธรรมกลายเป็นเรื่องตลก ความดีกลายเป็นคำเสียดสีและกำหนดชนชั้น
ความรู้จึงทวีความคม
ผู้คนไม่น้อยคว้าศาสตราได้ก็กวัดแกว่งทิ่มแทงกันวุ่นวายไปทั้งสังคม
เมื่อความฉิบหายยังไม่พอ จึงยังไม่ได้มีใครรำพึงว่า "Now.. I am
become Death, the destroyer of worlds."
อ่านบทความของ กระบี่ไม้ไผ่ จบ
ถ้าวันหนึ่งมีใครมาชี้ใครสักคนในกลุ่มคนในรูปเหตการณ์ 6 ตุลา ข้างล่างนี่
และบอกว่า นี่แหละ กระบี่ไม้ไผ่! ผมจะไม่แปลกใจเลย
บทความ "ความรู้ของคนพาล" ของ
กระบี่ไม้ไผ่ เขียนขึ้นภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่เป็นเผด็จการ
ปกครองโดยคณะทหารที่ยึดอำนาจ และมีการบังคับใช้กฎหมายอาญา 112
อย่างเกินเลยบทบัญญัติไปมาก มีความขัดแย้งทางการเมือง
และในความขัดแย้งนั้นมีการตั้งคำถามกับสถาบันกษัตริย์และมีการจัดตั้งองค์กรตามล่าผู้ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
มีการริดรอนสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแม้แต่ในมหาวิทยาลัย
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้เอง
ที่กระบี่ไม้ไผ่เสนอว่า เสรีภาพจะต้องมีขอบเขต
และยกภาษิตพุทธที่มีเรื่องพระราชาทำให้คนพูดน้อยลง และมีเรื่องการรุมประชาทัณฑ์คนให้ถึงตาย
มาสั่งสอนคนอ่าน พร้อมกับกล่าวโจมตีคนที่เชิดชูเสรีภาพ
ผู้เขียนเปิดประเด็นว่า เสรีภาพ จะต้องมีขอบเขต
และ "ความรับผิดชอบ" ผู้เขียนเสนอว่า "ขอบเขตที่สำคัญ"
ควรจะเป็น "เมตตาธรรม" จากนั้นผู้เขียนก็สรุปว่า เสรีภาพทางวิชาการ ถ้าตกอยู่ในมือของคนพาล
ก็อาจจะทำลายโลก
ผมเห็นว่าการยกเรื่องไอสไตน์ของผู้เขียนมากล่าวดังข้างต้นเป็นการจับแพะชนแกะที่น่าเศร้า
พูดเหมือนกับว่าการสร้างระเบิดปรมณูเป็นเรื่องของเสรีภาพ ทั้ง ๆ
ที่มันเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐมหาอำนาจ และรัฐที่สามารถสร้างระเบิดปรมณูก็มีทั้งรัฐที่มีเสรีภาพ
และรัฐที่เป็นเผด็จการ ปราศจากเสรีภาพอย่างสิ้นเชิง
ไม่ใช่เพราะผมไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายมิติในด้านลบของเสรีภาพ
แต่การเปรียบเทียบแบบนี้ฉาบฉวยจนน่าตกใจ เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2
และระเบิดปรมณูมีเรื่องราวจำนวนมาก เสรีภาพมีบทบาทในการยับยั้งหรือส่งเสริมการใช้ระเบิดปรมณูเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเหตุการณ์ให้ละเอียดก่อนที่จะอภิปราย
ไม่ใช่พูดเอาชุ่ย ๆ แบบนี้ ถ้าเปลี่ยนระเบิดปรมณู
(ซึ่งแม้ไอสไตน์จะไม่คิดก็มีคนอื่นกำลังคิดอยู่ดี)
ให้ไปอยู่กับรัฐเผด็จการที่ปราศจากเสรีภาพอย่างสิ้นเชิง เหตุการจะเปลี่ยนแปลงไปไหม? จะมีผู้คนออกมาประท้วงคัดค้านรัฐบาลของตนไม่ให้ใช้ระเบิดร้ายแรงนี้ไหมถ้าไม่มีเสรีภาพ?
คำถามจำนวนมากไม่ถูกถาม
แต่ถูกข้ามไปอยากมักง่ายในการยกตัวอย่างเพื่อสนองจุดประสงค์ของตนเองของผู้เขียน
แล้วผู้เขียนก็ยกนิทานชาดกเรื่องพระราชาทำให้ปุโรหิต
"พูดน้อยลง" ด้วยการดีดของเข้าปาก และต่อมาก็มีคนเรียน
"วิชาดีดของ" ไปดีดของใส่หูพระพุทธเจ้าตาย เหล่าศิษย์ของพระพุทธเจ้าจึง
"รุมตื้บ" คนผู้นั้นจนขาดใจตาย
สำหรับโลกสมัยใหม่ที่ความคิดขับเคลื่อนด้วยเหตุผลและตรรกะ
ย่อมจะเห็นได้อย่างชัดแจ้งถึง "ความขัดแย้งทางศีลธรรม"
ที่ผู้เขียนยกมาจากนิทานในโลกเก่า คำถามสำคัญคือ ในเมื่อ "การฆ่า"
เป็นบาป เหล่าศิษย์ของพระพุทธเจ้ามีสิทธิ์ "รุมตื้บ"
คนจนขาดใจตายดังในเรื่องเล่าหรือไม่? แม้ว่าคน ๆ
นั้นจะทำผิดอย่างเห็นได้ชัด แต่การรุมกระทืบคน ๆ นั้นจนตายเป็นความถูกต้องหรือ?
ไม่ผิดศีลหรือ? และอะไรคือ
"ความรับผิดชอบ" ของคนที่ไปรุมกระทืบเหล่านั้น?
ผู้เขียนยกคำพระพุทธเจ้ามาสรุปว่า
ความรู้ความสามารถและความเป็นใหญ่เมื่ออยู่กับคนดีก็มีคุณ
เมื่ออยู่กับคนพาลก็ให้โทษ
การให้ความรู้คนจึงต้องให้ความดีหรือคุณธรรมควบคู่ไปด้วย แล้วก็สรุปว่า
คนไม่น้อยเชิดชูเสรีภาพแต่ไม่พูดเรื่องความรับผิดชอบ คุณธรรมจึงกลายเป็นเรื่องตลก
ความดีกลายเป็นคำเสียดสีและกำหนดชนชั้น
ความรู้จึงทวีความคมและเป็นอาวุธให้คนทิ่มแทงกัน
ผมไม่แน่ใจว่า กระบี่ไม้ไผ่ได้ฟังมาไม่ครบ
หรือเลือกที่จะฟังไม่ครบ หรือเป็นเพราะว่าระบบคิดและระบบการทำงานของสมองเป็นแบบ
"ก่อนสมัยใหม่" จนไม่สามารถพัฒนาได้อีกแล้ว
จึงไม่ได้ยินเวลาคนที่เรียกร้องเรื่องสิทธิ เสรีภาพ พูดเรื่อง accountability
หรือ ความรับผิดชอบ
ในความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา
ฝ่ายที่พูดถึงเรื่อง "ความรับผิดชอบ" (accountability) มากที่สุด
กว้างที่สุด และลึกที่สุด คือฝ่ายที่เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตยครับ
ไม่ใช่ฝ่ายที่สนับสนุนการรัฐประหารและสนับสนุนการริดรอนสิทธิ เสรีภาพ
พวกที่ชอบพูดเรื่อง "คุณธรรม" เรื่อง
"ความดี" เรื่องเสรีภาพต้องมี "ขอบเขต"
ต่างหากที่ไม่เคยพูดถึงเรื่อง "ความรับผิดชอบ" อย่างซีเรียสจริง ๆ เลย
นอกจากยกมาโต้แบบขอไปทีเวลาที่พูดเรื่องเสรีภาพอย่างที่กระบี่ไม้ไผ่กำลังทำ
คนดีต้องมีความรับผิดชอบไหม?
ความดีต้องมีความรับผิดชอบไหม?
คุณธรรมต้องมีความรับผิดชอบไหม?
ความรับผิดชอบนั้น รับผิดกับใคร ตรวจสอบโดยใคร
มีความโปร่งใสอย่างไร?
ขอกระบี่ไม้ไผ่ได้โปรดถามใจตัวเองเถิดว่า
ระบอบเผด็จการนั้น ศาลทหารนั้น มีความรับผิดชอบ "โดยระบบ" หรือไม่
ตรวจสอบได้จริงหรือไม่ โปร่งใสหรือไม่
และการที่ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ได้เลยนั้น
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสาธารณะ สามารถเรียกได้ว่าสถาบันกษัตริย์ มี accountability
หรือไม่?
ใครกันแน่ที่ทำให้ "ความดี"
ไม่มีความหมาย จนกลายเป็น "คำเสียดสี"?
ไม่ใช่คนดีจอมปลอม หรือความดีจอมปลอม
ที่ไม่เคารพเสรีภาพ ไม่มีความรับผิดชอบ หลอกลวง โกหก กลับดำให้เป็นขาว
แม้กระทั่งตรรกะวิบัติแล้ววิบัติอีกแบบที่ปรากฏอยู่ในข้อเขียนของกระบี่ไม้ไผ่หรอกหรือครับ?
5-11-14
Comments
Post a Comment