ปรารถนาแห่งแสงจันทร์






หากจะบอกว่า หนังสือ ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ เป็นรวมเรื่องเศร้าก็คงไม่ผิดนัก ทั้ง 8 เรื่องสั้นที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นเรื่องราวของตัวละครที่ถูกชักพาไปโดยแรงของความรู้สึกที่อยู่เบื้องลึกภายในจิตใจ ความปรารถนาหรือความฝันใฝ่ของตัวละครเหล่านี้ หาใช่สิ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา หากแต่เป็นสิ่งที่คล้ายกับมือลึกลับซึ่งคอยถักทอชะตากรรมของพวกเขาให้เดินไปสู่โศกนาฏกรรม

ชายหนุ่มผู้ยอมทอดทิ้งชีวิตที่ผาสุกกับคนรักเพื่อติดตามแรงปรารถนาที่จะเขียนหนังสือของตน เด็กหญิงกำพร้าผู้รับจ้างเขียนจดหมายที่ยอมฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ในการรับจ้างเขียนจดหมายเพราะความปรารถนาจะมีแม่ เด็กสาวที่ตกหลุมรักพ่อของเพื่อน ครูพละที่หลงรักเด็กสาวข้างบ้าน วัวหนุ่มที่ดิ้นรนกลับบ้านเมื่อต้องพลัดพรากจากเด็กน้อยผู้เป็นนาย หญิงสาวผู้วิ่งหนีคนที่รักตนและไล่ตามคนที่ตนรัก หญิงสาวที่ยอมทอดทิ้งผู้ชายคนเดียวในชีวิตเพื่อไปหาผู้ชายซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของเธอ และวังวนชะตากรรมของชายหญิง 2 คู่ที่พัวพันกันไม่รู้จบ ทั้งหมดล้วนเป็นตัวละครซึ่งมีแรงจากเบื้องลึกเป็นพลังผลักดันชีวิตไปข้างหน้า โดยปราศจากซึ่งความยับยั้งชั่งใจ

เพราะหลายครั้งที่มนุษย์อ่อนแออย่างเหลือเชื่อจนน่าเย้ยหยัน มนุษย์ทำร้ายตนเองและยังทำร้ายผู้อื่นอย่างไร้ความเห็นใจอีกด้วย  แต่ก็ยังมีอีกหลายผู้คนเป็นเจ้าของหัวใจที่เด็ดเดี่ยวดีงามพร้อมที่จะรักและให้อภัยเป็นบางคำกล่าวจาก เงาจันทร์ผู้เขียนรวมเรื่องสั้น ปรารถนาแห่งแสงจันทร์เล่มนี้ ผู้เขียนยังแสดงเจตจำนงของตนไว้อีกว่าเธอมุ่งตรงเพื่อค้นหาความจริงในหัวใจมนุษย์ เธอเชื่อว่าเราทุกคนมีรอยโศกจารึกอยู่ในใจ ในซอกมุมที่ใครอื่นไม่อาจรู้ รวมเรื่องสั้นเล่มนี้จึงเป็นคล้ายการเปิดรอยแผลของมนุษย์ออกดูเพื่อทบทวนความเป็นชีวิตซึ่งพ่ายแพ้แก่แรงปรารถนาจากเบื้องลึก

ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ เป็นรวมเรื่องสั้นที่โดดเด่นอย่างยิ่งในพรรณนาโวหาร ภาษาบอกเล่าซึ่งร้อยเรียงขึ้นเป็นเรื่องราวนั้นทั้งอ่อนหวานและตรึงใจ เงาจันทร์เขียนหนังสือด้วยภาษาของนิยายโรแมนติกและเป็นธรรมชาตินิยม ความละเอียดอ่อนในภาษาของเธอสะท้อนถึงรากแห่งการอ่านที่ลึกซึ้ง ภาษาที่เธอใช้เป็นภาษาของนักเขียนไทยในอดีตที่งดงาม การบอกเล่าบรรยายฉากและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครกระทำโดยเปรียบอ้างกับธรรมชาติอย่างกลมกล่อม สำนวนบอกเล่าจำนวนมากเป็นสำนวนที่เกือบจะสิ้นสูญไปแล้วจากโลกภาษาเขียนในปัจจุบัน ดังเช่นการเปรียบแมวลายหินอ่อนคาบคอลูกกลับมาเหมือนหญิงสาวชาวบ้านที่หอบลูกคืนมาสู่บ้านแม่ผัวหลังการไปคลอดที่บ้านเกิด หรือการบรรยายฉากประกอบอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอย่างเช่น

พจน์ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน แล้วเขาจึงค่อย ๆ สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่าฤดูร้อนได้โอบล้อมตัวบ้านและฟากสวนของเขาไว้ในอ้อมแขนอันน่าตรึงใจของมัน ด้วยหมู่ดอกคูนสีเหลืองที่ห้อยระย้าเหมือนเครื่องประดับแห่งสวรรค์ซึ่งแขวนอยู่ท่ามกลางสายลม หมู่หางนกยูงซึ่งยืนต้นเรียงรอบบ้าน ซึ่งบัดนี้แปรโฉมเครื่องนุ่งห่มจากแพรใบสีเขียวขรึมมาสวมใส่อาภรณ์อันบรรเจิดเป็นสีแดงสดจ้า

หรือ

ฝนเพิ่งหยุดตกไป กลีบดอกไม้โรยเกลื่อนพื้นอย่างหมองเศร้าราวกับเทวีแห่งฤดูร้อนได้จากไปอย่างผลุนผลัน และสลัดชุดทรงกลีบหางนกยูงของนางทิ้งไว้โดยไม่ไยดี...

หรือ

"ฉันรักลมยามค่ำอย่างนี้ เพราะมันจะปลุกดอกบัวในหนองบึงข้างบ้านให้เบิกบานทันแสงตะวัน แม่บอกฉันอย่างนั้นทุกครั้งที่ฉันเก็บมันมาให้แม่บูชาพระ..."

เงาของวิถีชีวิตคนไทยในอดีตทาบทับและเคลื่อนไหวอยู่ในภาษาของเงาจันทร์ ทำให้ภาษาของเธอทั้งลึกและตรึงใจ ไม่ฟุ้งลอยเลอะเลือน หากแต่ให้ภาพที่กระจ่าง คมชัด นอกจากนี้เธอยังมีสุ้มเสียงสำเนียงการเล่าที่หลากหลายอย่างนักเขียนเรื่องสั้นที่เจนจัด

นักอ่านที่ชอบต้นไม้ดอกไม้จะต้องหลงรักเรื่องของเงาจันทร์ พืชพันธุ์นานาชนิดงอกงามออกมาจากเรื่องราวของเธอ เธอบรรยายต้นไม้ดอกไม้ราวกับจิตกรอิมเพรสชั่นนิสต์วาดภาพทิวทัศน์ด้วยสีสันจัดจ้าน เรื่องสั้นของเธอเป็นเหมือนภาพเขียนสีอันเจิดจ้า

เรื่องราวในเรื่องสั้นของเงาจันทร์มีลักษณะเป็นโศกนาฏกรรมทั้งสิ้น เป็นชะตากรรมซ้ำ ๆ และมักมีความรักความปรารถนาเป็นแรงผลักดัน ประเด็นในหลายเรื่องสั้นมีความคาบเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามของมนุษย์ไม่แตกต่างกันนัก มีแต่ลีลาของเรื่องราว และถ้อยสำเนียงเสียงเล่า ที่แตกต่างกันออกไป

หากหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแรงปรารถนาของมนุษย์ ท่วงทำนองของเรื่องราวก็ชวนให้เราตีความแรงปรารถนานี้ว่าเป็นสิ่งที่ฉุดดึงชีวิตให้ดำดิ่งลงเหวลึกมากกว่าจะนำพาไปสู่ความสว่างไสว

ความปรารถนานั้นมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากตัวของมันเอง มันพร้อมจะฉุดกระชากลากถูทุกสิ่งทุกอย่างไปข้างหน้า ชีวิตที่ถูกลากจูงไปโดยแรงดังกล่าวย่อมเป็นชีวิตที่หิวโหย และน่าเหน็ดเหนื่อย  ชีวิตซึ่งไร้แรงปรารถนาจึงน่าจะเป็นชีวิตที่สงบสุข ทว่าทำไมผู้คนจึงไม่พอใจกับความสงบสุข ชีวิตของคนสามารถดำเนินไปได้อย่างปรกติสุขโดยปราศจากแรงปรารถนาหรือฝันใฝ่ แต่ทันทีที่เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นในจิตใจ ชีวิตอันปรกติสุขกลับกลายเป็นความจืดชืดน่าเบื่อหน่ายที่ยากจะทานทน บางสิ่งบางอย่างนั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่สิ่งเล็กจ้อย ดังเช่น เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ใครสักคนอาจจะบังเอิญเดินผ่านไปพบอยู่ในตู้โชว์ของห้างสรรพสินค้า แล้วใครคนนั้นก็ไม่อาจทนใส่เสื้อผ้าชุดเดิมได้อีกต่อไป  หรือ บางสิ่งบางอย่างนั้นอาจเป็นใครสักคนซึ่งเดินสวนมาและบังเอิญได้สบตากับเรา ทำให้ชีวิตของเราหลังจากนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

สำหรับตัวละครในหนังสือ ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ชีวิตของพวกเขาอยู่ระหว่างแรงปรารถนาและการยับยั้งใจตนเอง แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ที่พ่ายแพ้จำนนให้แก่แรงปรารถนาโดยสิ้นเชิง หรือสามารถยับยั้งใจตนเองไว้ได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายใด ขอเพียงหลังจากพวกเขาได้พานพบกับความปรารถนานั้นแล้ว ชีวิตของพวกเขาก็ไม่เคยได้พบกับความสงบสุขอีกต่อไป แค่อย่างดีที่สุด ผู้ที่ยั้งใจตนเองไว้ได้จะสามารถประคองความทุกข์ที่มีอยู่ไปได้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ถูกเผาผลาญไปก่อนเพียงเท่านั้น

พิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร IMAGE

Comments