ร่างพระร่วง
ร่างพระร่วง
เป็นนิยายอันมีความยาวขนาดกลาง แบ่งเป็นสองภาค ภาคละเจ็ดบท
ดำเนินเรื่องด้วยการเล่าในลีลาของมุขปาฐะ ใช้เสียงเล่าอย่างชาวบ้าน
มีสีสันภาษาอย่างพื้นบ้านซึ่งอลังการขึ้นด้วยสำบัดสำนวนของผู้เขียน
ข้ออันน่าสังเกตเกี่ยวแก่เสียงเล่าของนิยายเรื่องนี้คือ
มีลีลาการเล่าที่ใช้จังหวะจะโคน ลงสัมผัสเป็นช่วง ๆ
แต่มิได้มากเกินจนพาภาษาเล่าให้เป็นเจ้าบทเจ้ากลอนไป
นิยายเรื่องนี้จึงได้กลายเป็นหนังสือที่ใช้อ่านเงียบ ๆ ก็ได้
หรือจะอ่านเล่าเอาเสียงให้ผู้อื่นฟังก็ลื่นไหลอย่างมีลีลา
เนื้อความเป็นเรื่องราวของเซียนพระคนหนึ่ง
ว่าด้วยวิถีแห่งไสยและพุทธ
ยกฉากเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองให้เห็นเป็นช่วง
ส่วนเรื่องราวของท่านพุทธทาสที่หน้าปกประกาศว่าเป็น “นิยายร้อยปีท่านพุทธทาส” นั้น
ขึงหัวขึงท้ายไว้เสียอย่างนั้น ยกความเล่าอ้างถึงท่านพุทธทาสอยู่บ้าง แต่รายละเอียดยังตำไม่ถึงพริก
เรื่องราวเปิดด้วยฉากเมืองไทยปี 2519
ซึ่งฉายภาพผ่านรถคอกหมูคันหนึ่ง จากนั้นค่อยดึงภาพเข้าหาตัวละครหลัก
แล้วตัดกลับไปไล่เรียงชีวิตของตัวละครตั้งแต่เกิด จนวนกลับมาสู่ช่วงเวลาตอนเปิดฉาก
แล้วดำเนินต่อไปจนถึงบั้นปลาย เรื่องราวเกาะติดตัวละครหลักเป็นส่วนใหญ่ในภาคแรก พอภาคสองเริ่มมีการตัดไปหาตัวละครอื่น
ในช่วงสำคัญสุดท้ายของเรื่องก็เล่าอย่างเว้นเหตุการณ์
ตัดกลับไปมาให้ผู้อ่านโยงใยเอาเอง
แต่ทั้งหมดก็คลี่คลายเมื่อกลับไปสู่ตัวละครหลักในตอนสุดท้าย
การดำเนินเรื่องชวนติดตาม
ตัวเรื่องเข้มข้น ตัวละครมีชีวิตชีวา รุ่มรวยสีสันและจินตนาการ
สำคัญยิ่งคือฉายภาพความเป็นสังคมไสยของไทยได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ยังสืบสาวโยงใยวัตถุนิยมแบบไสยในสังคมเก่าที่พัฒนามาสู่บริโภคนิยมในสังคมทุนสมัยใหม่ไว้อย่างแยบคาย
เสียแต่ตอนท้ายรวบรัดไปหน่อย การพยายามโยงไสยสู่พุทธเพื่อฉลองท่านพุทธทาสยังไม่โน้มน้าวกินใจ
ตัวละครเกือบจะเข้ม มีพัฒนาการ
แต่การโน้มนำตัวละครไปสู่ท่านพุทธทาสไม่ค่อยน่าเชื่อถือ
นิยายเรื่องนี้เล่าเรื่องอย่างเหนือจริง
มีบ้างที่อ่านแล้วนึกถึงนิยายตระกูลสัจนิยมมหัศจรรย์ (magical
realism) ของลาตินอเมริกา โดยเฉพาะงานของ กาเบรียล การ์เซีย
มาร์เกซ แต่ไม่มาก โดยรวมต้องกล่าวว่า
ร่างพระร่วงมีความเป็นตัวของตัวเอง มีลีลาของวรรณกรรมไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
กล่าวถึงนิยายสัจนิยมมหัศจรรย์อย่างของลาตินอเมริกา
นับเป็นวรรณกรรมแนวหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อนักเขียนไทยรุ่นใหม่ นักเขียนจำนวนไม่น้อยพยายามเลียนท่วงทีของวรรณกรรมแนวนี้
เพื่อสถาปนาความเป็นสัจนิยมมหัศจรรย์ขึ้นในวรรณกรรมไทย
เมื่อเกิดความพยายามเช่นนั้น
ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเมืองไทยไม่มีสัจนิยมมหัศจรรย์ อีกฝ่ายก็โต้ว่าไม่มีสัจนิยมมหัศจรรย์ได้อย่างไร
ในเมื่อเมืองไทยเต็มไปด้วยเรื่องเล่าแบบเหนือจริง
ก็เป็นหัวข้อประเด็นทางวรรณกรรมที่เคยถกเถียงกันมาไม่ช้าไม่นานนี้
เมื่อมองดูจากผลงานวรรณกรรมไทยที่เสนออ้างตัวเองขึ้นเป็นสัจนิยมมหัศจรรย์ที่ผ่านมา
ก็กล่าวได้ว่านักเขียนไทยเหล่านั้นต่างล้มเหลวในการพยายามสถาปนาวรรณกรรมตระกูลนี้ขึ้นในวรรณกรรมไทย
งานวรรณกรรมที่อ้างตัวเป็นสัจจนิยมมหัศจรรย์ที่ผ่านมาล้วนมีลักษณะลักลั่น
ผิดฝาผิดตัว และมองเห็นอิทธิพลของวรรณกรรมลาตินอเมริกาอย่างเข้มข้น
ขาดซึ่งความเป็นตัวของตัวเองโดยสิ้นเชิง
ทว่า บัดนี้เมื่อเทพศิริ สุขโสภา
ได้รังสรรค์ ร่างพระร่วง ขึ้นในบรรณพิภพของไทย ผสมผสานความเหนือจริงเข้ากับความสมจริงได้อย่างกลมกล่อม
ทั้งหาได้มีกลิ่นอายอิทธิพลของวรรณกรรมลาตินอเมริกาเช่นงานเล่มอื่น ๆ
หากแต่กลับกลมกลืนด้วยมโนทัศน์ของไทยอย่างวรรณกรรมไทยและอย่างภาษาไทยโดยเกลี้ยงเกลา
การสถาปนาภาพพจน์เหนือจริงขึ้นในโลกของวรรณกรรมไทยสมัยใหม่ จึงคลี่คลายหนทางออกมาอย่างสง่างาม
ส่วนที่เป็นแก่นสาระของนิยายเรื่องนี้คือความเป็นไสยและความเป็นพุทธที่ปีนเกลียวกันอยู่ในสังคมไทย
และวิถีทางหลุดพ้นอย่างพุทธที่แท้
ซึ่งในนิยายเรื่องนี้ได้ยึดคำสอนของท่านพุทธทาสเป็นสารัตถะ โดยแก่นสาระนี้
นิยายเรื่อง ร่างพระร่วง สามารถคั้นเอาเนื้อออกมาได้อย่างดี
ร่างพระร่วง เขียนขึ้นด้วยวัตถุดิบชั้นยอด
ผู้เขียนได้สั่งสมวัตถุดิบมาอย่างพรั่งพร้อม
อันที่จริงก็เกือบจะสามารถนับเป็นงานชั้นครูได้
เสียดายที่ดูเหมือนว่าครูจะใจร้อนไปเสียหน่อย
ส่วนที่ควรนวลเนียนละเอียดลอออย่างผ้าทอชั้นดีจึงเห็นรอยฝีรอยตะเข็บ
แต่สำหรับนักเขียนไทยผู้สนใจการใช้สภาวะเหนือจริงถ่ายสะท้อนความจริงในวรรณกรรมสมัยใหม่
หรือผู้นิยมแนวทางสัจนิยมมหัศจรรย์ หนังสือเล่มนี้จะเป็นครูได้เป็นอย่างดี
พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2549,
วารสารหนังสือใต้ดิน เล่ม 8
Comments
Post a Comment