โลกนี้มันช่างยิสต์






เพราะเป็นหนังสือเล่มแรกของ แทนไท ประเสริฐกุล ลูกชายคนโตของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล และ จิระนันท์ พิตรปรีชา 

เพราะเป็นหนังสือเล่มแรกของ อดีตนักเรียนเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกวิชาการ นานาชาติ สาขา ชีววิทยา 

เพราะเป็นหนังสือเล่มแรกของชายหนุ่มนักเรียนทุน ผู้จบปริญญาตรีด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล

เพราะเป็นหนังสือของนักศึกษาปริญญาโทผู้กำลังทำวิจัยเรื่องพฤติกรรมทางเพศของปลาหมึก 

เพราะเป็นหนังสือเล่มแรกของครูโรงเรียนมัธยมที่ย้อมผม สูบบุหรี่ และบอกให้นักเรียนเรียกตัวเองว่า พี่

ไม่ว่าใครจะเลือกหยิบ โลกนี้มันช่างยีสต์ ขึ้นมาอ่านด้วยเหตุผลในข้อใด สำหรับผม หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ไร้สาระและเต็มไปด้วยคำผิด ที่อ่านสนุกที่สุดในรอบหลายปี

สำหรับนักเขียน การเขียนเรื่องไม่มีสาระได้ต่อเนื่องเป็นหน้า ๆ ต้องถือว่าเป็นความสามารถ แต่แทนไทไม่เพียงเขียนเรื่องไม่มีสาระต่อเนื่องได้เป็นหน้า เขายังสามารถทำให้เรื่องเหล่านั้นอ่านสนุกจนวางไม่ลง นับได้ว่านักเขียนหนุ่มคนนี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาทีเดียว

แม้ว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จะดำเนินไปเรื่อยเปื่อยตามแบบไดอารี่ออนไลน์ แต่บางช่วงตอนกลับเปิดเผยด้านที่เอาจริงเอาจังจู่โจมผู้อ่านอย่างไม่ให้ตั้งตัว ตั้งแต่เรื่อง ความรัก ความฝันใฝ่ อุดมคติ จนถึงจิตสำนึกที่มีต่อสังคม ทั้งเรื่องเป็นสาระและไม่เป็นสาระจึงได้รับการถ่ายทอดด้วยลีลาการเล่าเรื่องดุจเดียวกัน เว้นแต่เรื่องความรักที่ผู้เขียนเปิดเผยด้านโรแมนติกออกมาซึ่งไม่ปรากฏเมื่อเล่าเรื่องราวอื่น ๆ

เมื่ออ่านหนังสือทั้งเล่มจนจบ ผ่านเรื่องราวเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ ตื่นสาย รถติด เรื่องราวที่เป็นกิจกรรมบันเทิงอย่างการไปดูคอนเสิร์ต ความผูกพันกับศิลปินคนโปรด ไปจนถึงเรื่องที่เริ่มมีท่าทีจริงจังอย่างความขัดแย้งระหว่างผู้เขียนในฐานะครูกับนักเรียน กิจกรรมและความผูกพันระหว่างผู้เขียนกับลูกศิษย์ และจนถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งเปิดเผยให้เห็นความรู้สึกของผู้เขียนที่มีต่อสังคม สำนึกของความเป็นครู ความผูกพันและความรักในวิชาชีววิทยา จนสุดท้ายจบลงด้วยการเปิดเผยถึงความรู้สึกนึกคิดเบื้องลึก จินตนาการ และความใฝ่ฝันของผู้เขียนที่มีต่อชีวิตและโลกรอบตัวไปจนถึงจักรวาล

หากจะให้นิยามหนังสือเล่มนี้อย่างสั้นและง่ายที่สุด ผมจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้คือ Dead Poet Society ภาคพิศดาร หรือถ้าแปลเป็นไทยในภาษาของผู้เขียนก็ต้องบอกว่าเป็น คุณครูครับเราจะสู้เพื่อฝัน ฉบับ นมดำ

มีกลุ่มคำอยู่ 2 กลุ่มในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมเห็นว่าทำหน้าที่บางประการได้อย่างน่าสนใจ

กลุ่มแรกเป็นคำที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นคำไม่อยู่ในภาษาสุภาพ เช่นคำว่า ขี้ ตูด นม  คำเหล่านี้ โดยทั่วไปจะไม่ปรากฏอยู่ในภาษาที่เป็นทางการ หรือภาษาเขียนที่เป็นสาธารณะ และหากปรากฏก็จะตกอยู่ในฐานะของความ ไม่สุภาพโดยทันที

ผู้เขียนได้บอกกล่าวไว้ในคำนำว่า คำว่า ขี้ ตูด นม จะเป็นคำที่พบเห็นได้ตลอดหนังสือเล่มนี้  สำหรับผู้อ่าน คำสามคำนี้จะเป็นเหมือนคนนำเที่ยว ที่จะพาผู้อ่านท่องไปในอาณาเขตส่วนตัวของผู้เขียน เป็นสิ่งที่จะพาผู้อ่านเข้าไปใกล้ชิดกิจวัตรประจำวันอันเป็นเรื่องเล่าของผู้เขียน และเป็นผู้แนะนำผู้อ่านเข้าสู่อาณาจักรทางภาษาของผู้เขียน เราจะพบเห็นคำว่า ขี้ ตูด และ นม ไปตลอดเรื่องเล่าเหมือนกับพบเห็นไฟแดงทุก ๆ สี่แยกเมื่อต้องเดินทางอยู่บนถนน คำเหล่ามีหน้าที่ในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านและเรื่องเล่า เป็นเหมือนสัญญาณบอกและย้ำกับผู้อ่านถึงท่วงทีของเรื่องเล่า เพื่อที่ผู้รับสัญญาณจะกำหนดท่าทีของตนต่อเรื่องเล่า

กลุ่มคำที่สองได้แก่คำเช่น ยีสต์” “บัดยี” “นวล” “เนียน” “นมดำและคำที่มีความหมายผิดเพี้ยน หรือหาความหมายไม่ได้อีกมากมายหลายคำ คำกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่ผู้อ่านจะพบเจออยู่ตลอดการอ่าน คำทั้งหมดเหล่านี้ได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนภูเขา ทะเล ต้นไม้ ในภูมิประเทศทางภาษาของผู้เขียน ผู้เขียนได้ใช้คำเฉพาะขึ้นปักอาณาเขตของความหมาย เพื่อให้เกิดอาณาจักรภาษาของผู้เขียน และด้วยหนทางนี้ ตัวตนอันเข้มข้นในทางวรรณกรรมของแทนไทจึงถือกำเนิดขึ้นในหนังสือเล่มนี้

คำทั้งสองกลุ่มนี้ เมื่อประกอบเข้ากับเรื่องเล่า นอกจากจะเป็นสิ่งที่คอยบิดเรื่องราวให้ผิดผัน ก่อให้เกิดระยะห่างที่แน่นอนระหว่างผู้อ่านกับเรื่องเล่าแล้ว ยังเป็นสิ่งที่คอยอำพลางสาระสำคัญของเรื่องเล่า

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ผู้เล่าต้องบิดผันอำพลางเรื่องเล่าของตน และสำหรับ โลกนี้มันช่างยีสต์ ที่อยู่ในฐานะของ ไดอารี ออนไลน์ หรือบันทึกส่วนตัวที่เปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ดูเหมือนการบิดผันทุกอย่างให้ผิดเพี้ยนจะเป็นสิ่งที่บรรเทาความกระดากอายระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านลงไป

นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของความเพี้ยน นอกจากนี้แล้วการเป็นทายาทของนักเขียนและกวีผู้ทรงอิทธิพลย่อมเป็นประหนึ่งปราการมหึมาที่ขวางกั้นผู้เขียนในการสร้างความเป็นตัวของตัวเองในทางวรรณกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น ความเพี้ยนที่บรรจุอยู่ในคำและภาษาจึงเปรียบเสมือนสิ่งที่จะพาผู้เขียนข้ามปราการนั้นไปสู่ความเป็นตัวของตัวเอง  ก็ในเมื่อเป็นเรื่องยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบคำว่า ยีสต์ ขี้ ยีบัด ในข้อเขียนของเสกสรรค์ หรือบทกวีของ จิระนันท์  ทำไม แทนไท ถึงจะไม่ทำให้สิ่งเหล่านี้งอกงามขึ้นในข้อเขียนของเขาเล่า

นอกเหนือจากนี้หนังสือเล่มนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ความเพี้ยนเป็นเครื่องมืออันทรงพลังและใช้ได้ดีกับอัตลักษณ์ของแทนไท เนิ่นนานมาแล้วที่ความเพี้ยนมักถูกจับคู่เข้ากับความเป็นอัจฉริยะ และแทนไทในฐานะเจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกวิชาการ จึงดูเหมาะสมกับความเพี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับนักอ่านวรรณกรรม หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีความหมายอย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะมีท่วงทีและรูปแบบที่ไม่ชวนไว้วางใจ แต่กลุ่มก้อนของความหมาย ความดีและความงาม ความจริงและความลวง ในยูนิฟอร์มของคนรุ่นใหม่จะให้รสชาติที่ไม่ผิดหวัง และหลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ คำว่า นมดำ จะไม่เป็นสิ่งแปลกแยกและไร้สาระอีกต่อไป

พิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร IMAGE

Comments