วิจารณ์มานิต ศรีวานิชภูมิ



เห็น คลิปสัมภาษณ์มานิต อันนี้มาหลายวันแล้ว เพิ่งมีเวลาดู คุณมานิตก็ยังบอกว่าฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้งอยู่นะครับ (ราวนาทีที่ 14.15)

ผมฟังคลิปนี้อยู่หลายเที่ยวเพื่อพยายามทำความเข้าใจประเด็นของมานิต และก็เห็นอยู่ว่ามีหลายจุดที่มานิตพูดแบบไม่ค่อยแฟร์กับฝ่าย กวป. เช่น ราวนาทีที่ 8 พูดในเชิงกล่าวหาว่า กวป. เรียกร้องให้ปลดงานออก (ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่ข้อเรียกร้องของ กวป.) หรือตรงนาทีที่ 10 ที่ตอบคำถามเหมือนไม่ได้อ่านข้อเรียกร้องของ กวป.โดยพูดให้เมือนข้อเสนอของ กวป.เป็นข้อเสนอของตนเอง เช่น "มันก็จะต้องมีจดหมายของ อ.สุธี อยู่ด้วย..." ซึ่งจริง ๆ กวป.เองต่างหากที่เสนอให้มีจดหมายของ "ทุกฝ่าย" รวมถึงของสุธี เป็นต้น

หลายครั้งที่มานิตอ้างสมศักดิ์และเปรียบไปถึง กวป.ว่า ไม่เคยตำหนิยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ทำนองว่า "ถือหางฝ่ายนี้ใช่ไหม" ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง ถ้าไปไล่ดูรายชื่อ กวป. จะเห็นว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณเลย และจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วยกับกรณีนิรโทษกรรม ตรงส่วนนี้ผมเห็นว่าเกิดจากการที่มานิตตามบทสนทนาทางการเมืองไม่ทัน คนที่ด่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ในปีกประชาธิปไตยนี่ไม่ได้มีแค่สมศักดิ์คนเดียวแน่ ๆ ครับ แต่คุณมานิตตามข้อถกเถียงทางการเมืองไม่ทัน และหยุดตัวเองอยู่ที่แค่ประเด็นทักษิณอย่างเดียว ซึ่งนี่แหละที่ผมคิดว่าเป็นปัญหา

ตอนแรกผมเข้าใจว่าคุณมานิตแยกไม่ออกถึงความแตกต่างระหว่าง ถ้า กปปส.หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ที่แค่ยิ่งลักษณ์ยุบสภา กับเคลื่อนไหวต่อเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งและพยายามสร้างสุญญากาศทางการเมือง แต่พอฟังมาถึงตอนท้ายมานิตก็พูดประเด็นนี้ออกมาอย่างชัดเจน

ดูตรงช่วงนาทีที่ 17.40 เป็นต้นไป มานิตพูดว่า:

"ทำไม กปปส. ไม่ยอมเรื่องการเลือกตั้ง ก็เพราะเขามองเห็นแล้วว่า การไปสู่การเลือกตั้งในเงื่อนไขแบบนี้ ปัญหามันจะไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ที่ละเมิด ผู้ที่ทำลายประชาธิปไตยจะกลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง คุณอาจจะยอมได้แต่คนอีกจำนวนเขาไม่ยอม แล้วคุณจะกล่าวหาว่าเขาไปละเมิดสิทธิคุณเหรอ หมายความว่ายังไงละครับ แล้วคุณไม่คิดเหรอครับว่ารัฐบาลที่มันไปละเมิดสิทธิเขา เขาไม่ยอมรับ..."

และ

"เขามองว่าก็ไอ้รัฐบาลที่แล้วที่ลาออกจะไปสู่การเลือกตั้งเพราะมันชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้ง แล้วคุณยังไงละครับ คุณจะให้ปัญหามันซ้ำซากอย่างนั้นเหรอ"

สุดท้ายประเด็นของมานิตยังหยุดอยู่ที่จุดเดิม จุดเดียวกับก่อนรัฐประหาร 49 คือ เอา/ไม่เอา ทักษิณ

และโดยที่ (ฝ่าย) ทักษิณมาจากการเลือกตั้ง ก็เลยกลายเป็นปมประเด็นของมานิตที่พยายามที่จะอธิบายให้การเชียร์รัฐประหาร (และ/หรือ อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง) "กลาย" เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

มานิตมองไม่เห็นว่าการพยายามไล่ทักษิณ หรือแก้ปัญหาเรื่องทักษิณซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบที่ผ่านมา คือ กปปส.ในปี 57 "ซ้ำรอย" พันธมิตร ในปี 49 แบบนี้คือการวนอยู่กับที่ และไม่ยอมให้โอกาสระบบและกลไกของประชาธิปไตย (การเลือกตั้ง) "ลอง" ทำงานแก้ปัญหาดูบ้าง นั่นก็คือ หยุดแค่ยิ่งลักษณ์ยุบสภา กลับไปสู่การเลือกตั้ง แล้วให้องคาพยพต่าง ๆ ทางการเมืองค่อย ๆ ปรับตัวคลี่คลายผ่านกลไกหรือวิถีที่เป็นประชาธิปไตย (ไม่ได้บอกว่าฝ่ายยิ่งลักษณ์ไม่ผิด ทั้งเรื่องนิรโทษกรรม และนโยบายจำนำข้าวที่ผิดพลาดไม่ฟังเสียงใคร เป็นต้น)

การขัดขวางการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการล้มการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาธิปไตยล้มเหลวและเปิดทางให้เผด็จการ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ

ทำไมมานิต ศรีวานิชภูมิไม่ลองตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่ามันไปลงเอยที่การรัฐประหารและกลายเป็นเผด็จการได้ยังไง?

ทำไมไม่เปิดรับความคิดติดตามบทสนทนาทางการเมืองซึ่งอันที่จริงก็คุยเลยเรื่องนี้ไปแล้ว แต่กลับหยุดตัวเองไว้ที่ประเด็นเดิม การชุมนุมครั้งนี้ถ้าผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้เกิดการรัฐประหารขึ้นจริง ๆ พวกคุณก็ได้ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการของผู้ที่ต้องการล้มประชาธิปไตยและสถาปนาอำนาจเผด็จการเพื่ออะไรสักอย่างไปแล้วไม่ใช่หรือ ไม่สมควรที่จะทบทวนตัวเองมากกว่าดันทุรังยืนยันว่าการตกเป็นเครื่องมือนั้นคือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเช่นนั้นหรือ?

อีกประเด็นซึ่งค่อนข้างจะนอกเรื่อง แต่เห็นว่าก็ควรพูดถึงคือที่พูดกันจังเลยว่าปัญหาเกิดเพราะตีความประชาธิปไตยไม่เหมือนกัน

ประชาธิปไตยเป็นของ "สากล" ครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของข้อเท็จจริง ไม่ใช่การ "ตีความ" แม้ว่างานศิลปะต้องการการตีความ แต่ประเด็นขัดแย้งครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับการตีความงานศิลปะเลย ซึ่งมานิตและ fine art ย้ำหลายครั้งมากเรื่องเพราะตีความประชาธิปไตยไม่เหมือนกัน

ในมุมของศิลปะน่ะใช่ หมายถึงตัว "งานศิลปะ" น่ะ ตีความได้ต่างคนต่างใจ แต่ "ประชาธิปไตยไม่ใช่งานศิลปะ" มันคือระบอบการปกครองที่มีไอเดียเป็นสากล ทั่วโลกประชาธิปไตยเขาคุยภาษาเดียวกัน ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการตีความแตกต่างในหลักการใหญ่ ๆ และความขัดแย้งครั้งนี้เกิดจากการเลือกงานศิลปะของสุธีไปแสดงในงานที่กวางจู ไม่ใช่ปัญหาการตีความงานศิลปะ ถ้าดูจากประเด็นของฝ่าย กวป. เขามีปัญหาที่ ตัวงานศิลปะกับตัวศิลปิน ซึ่ง (เขาเห็นว่า) อยู่ในบริบทที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและเชียร์รัฐประหารและมันขัดกับคอนเซปท์ของกวางจู

16-06-2016

Comments