ถนนชีวิต...ถนนมิเกล และ ถนนจระเข้
ถนนชีวิต…ถนนมิเกล
ไม่ได้ทำสิ่งที่นอกเหนือไปกว่าวรรณกรรมรุ่นพี่อย่าง ตอติย่าแฟลต (จอห์น สไตล์เบ็ก)
ถนนยาสูบ (เออสกิน คอนเวล)
หรือวรรณกรรมไทยอย่าง เสเพลบอยชาวไร่ (รงค์ วงษ์สวรรค์) ช่างสำราญ (เดือนวาด
พิมวนา) และอื่น ๆ อีกมากมาย
วรรณกรรมกลุ่มนี้มีลักษณะอย่างหัสคดี
คือเป็นเรื่องชุด ตัวละครชุดหนึ่งโลดแล่นอยู่บนพื้นที่ที่แน่นอนพื้นที่หนึ่ง
การเล่าเรื่องแบ่งเป็นตอน ๆ
แต่ละตอนอาจจะเป็นเหตุการณ์หนึ่ง ๆ หรือเรื่องราวของตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง
แต่ตัวละครหรือเหตุการณ์ที่ปรากฏเหล่านั้นจะต้องผูกพันหรือสัมพันธ์กับสถานที่หลักในเรื่อง
มุมมองที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมประเภทนี้มักจะเป็นมุมมองแบบ
“คนข้างบ้าน” และด้วยมุมมองแบบคนข้างบ้าน
หรือคนในถิ่นเดียวกันนี้เองจะสะท้อนความเป็นมนุษย์ที่อยู่นอกเหนือไปจากตัวตนโดด ๆ
ของคนคนหนึ่ง
มุมมองแบบคนข้างบ้านนั้นมีบทบาทสำคัญในการเปิดเผยสาระที่อยู่ระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอื่นรอบตัวเขา
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ ตำแหน่งแห่งที่ของคนบนพื้นที่หนึ่ง ๆ
หรือกระทั่งอิทธิพลของพื้นที่ที่เข้าหล่อหลอมตัวตนของคน
วรรณกรรมในเรื่องชุดและมุมมองแบบคนข้างบ้าน
จึงเป็นโครงสร้างที่ทรงพลังในการเปิดเผยให้เห็นเนื้อหาและสรีระของพื้นที่ พื้นที่แห่งใดแห่งหนึ่ง บ้านสักหลัง ถนนสักเส้น
ตรอกสักตรอก แฟลตสักตึก หมู่บ้านสักแห่ง ตำบลสักที่ พื้นที่เหล่านั้น
พื้นที่ที่ดูคล้ายหยุดนิ่ง พื้นที่ที่เหมือนดังห่างไกลจากความเคลื่อนไหวภายนอก
แท้แล้วเมื่อขยายส่องดูจะเห็นความอึงคะนึง แต่สีสันเหล่านั้น
ความเคลื่อนไหวเหล่านั้น ทั้งหมดกระโดดโลดเต้นกันอยู่บนความนิ่ง
ความนิ่งของพื้นที่ที่แน่นอน เสมือนโลกเล็ก ๆ
โลกใบนี้คือทั้งตัวละคร ถนน บ้าน เหตุการณ์ และสิ่งต่าง ๆ
เรื่องราวจึงมักจบลงพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนพื้นที่
หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวละคร
ไม่จำเป็นที่จะต้องยกถ้อยคำวิลิศมาหรามาสนับสนุนวรรณกรรมประเภทนี้
เพราะข้อเด่นของมันเป็นที่รู้กันมาช้านานแล้ว เรื่องชุดเหล่านี้โดยมากจะสามารถอ่านแยกเป็นตอน
ๆ ได้รสแบบเรื่องสั้น หรือจะอ่านต่อเนื่องกันไปจนจบก็ได้รสแบบนิยาย
หาได้เป็นสิ่งประหลาดชวนตื่นเต้นอันใดในทางวรรณกรรม
สิ่งที่แตกต่างใน ถนนมิเกล…ถนนชีวิต คือการคุมน้ำเสียงให้คงที่ ปล่อยให้เหตุการณ์และเรื่องราวคลี่คลายออกมาเอง
ทำให้ผู้อ่านและตัวเรื่องได้สัมผัสสัมพันธ์กันเต็มไม้เต็มมือ เต็มมุมมอง
โดยไม่ถูกรบกวนจากน้ำเสียง
น้ำเสียงและมุมมองนี้เองที่ทำให้ ถนนมิเกล…ถนนชีวิต มีความแตกต่างจาก ถนนจระเข้
ดูเหมือน ถนนจระเข้
จะให้มุมมองแบบคนข้างบ้านน้อยมาก หากกลับมีเสียงเล่าอย่างกระแสสำนึก
มีการพรรณนาอันยืดย้วยระยาด และมักจะเลือกมองอะไรที่ดูไม่น่าสนใจเอาเสียเลย
สิ่งนี้ทำให้ ถนนจระเข้ อ่านยากกว่า น่าเบื่อ และไม่สนุกเหมือน ถนนมิเกลฯ
แต่ด้วยการใช้มุมมองปัจเจกนิยม
และการเล่าอย่างกระแสสำนึก ทำให้เรื่องมีความลึกและให้รสที่แปลก เมื่ออ่านแล้วจะรู้สึกได้ถึงพลังที่ประหลาดพุ่งพวยออกมาจากถนนเส้นนี้
ต่างจากถนนมิเกล
ในขณะที่ถนนมิเกลดูสนุกสนานและขบขัน
ถนนจระเข้กลับดูทึบทึมและหดหู่ แม้แต่อารมณ์ขันก็ยังเป็นอารมณ์ขันที่ชวนหดหู่
ห่อเหี่ยว ในขณะที่ถนนมิเกลดูซุกซน ผจญภัย ถนนจระเข้กลับเงียบเชียบ เวิ้งว้าง
ภาษาและน้ำเสียงในถนนจระเข้เป็นภาษาที่ละเอียดละออ และน่าทึ่ง
ราวกับเป็นการละเมอเพ้อขึ้นมาเองของสิ่งของและสถานที่
สำหรับผู้อ่าน ถนนมิเกล…ถนนชีวิตเป็นหนังสือที่ชวนอ่าน สนุกสนาน และรื่นรมย์กว่า
แต่สำหรับความน่าสนใจทางวรรณกรรม ถนนจระเข้นั้นเย้ายวนกว่า
พิมพ์ครั้งแรก วารสารหนังสือใต้ดิน
Comments
Post a Comment