ไม่ย้อนคืน
ทุกวันนี้
โดยทั่วไปเรามักเข้าใจกันว่าคนใช้คำพูดและภาษาในการสื่อสารเข้าถึงกันเท่านั้น
ยิ่งโฆษณาโทรศัพท์มือถือคอยประโคมโหมให้คนเชื่อว่าการพูดเป็นเพียงหนทางเดียวในการสื่อสารความในใจ
คำพูดและภาษาก็ยิ่งดูจะทวีความสลักสำคัญมากขึ้นในโลกปัจจุบัน
หากพิจารณาชีวิตประจำวันของเรากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน
บางทีเราอาจจะพบว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น และบางครั้ง
ภาษาและคำพูดอาจไม่ได้มีผลให้คนเราใกล้หรือห่างกันได้จริง ๆ
อากง
เป็นชายชราวัย 70 ปี คำว่า “อากง” ไม่ใช่ชื่อจริง ๆ ของแก แต่เป็นคำเรียกที่คนทั่วไปที่พบเห็นใช้เรียกแก
ทุกเช้าวันเสาร์อากงจะไปเดินเยาวราช ดูของเก่าที่คลองถม ดูเทปบันทึกการแสดงงิ้ว
ดูหยกแกะสลัก กินหูฉลามพร้อมกับเบียร์หนึ่งขวด และนั่งรถเมล์กลับบ้าน ส่วนวันอาทิตย์
อากงจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น สวมนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองประดับเพชร
สวมสร้อยคอทองคำ สวมรองเท้าแคชชูส์สีขาวเหยียบส้น
ขี่มอร์เตอร์ไซค์ไปจอดหน้าปากซอยแล้วนั่งรถเมล์ไปสวนจตุจักร เมื่อถึงสวนจตุจักร อากงจะเดินดูปลา ดูนก
ตามโซนขายสัตว์เลี้ยง บางครั้งระหว่างเดินพบแจกันลายครามในร้านที่สนิทคุ้นเคย
อากงจะแวะพูดคุยพร้อมกับต่อรองราคาของ
วิธีการต่อราคาของอากงจะต่อกันแบบไม่ไว้หน้าประเภทพันห้าเหลือเจ็ดร้อย
ซึ่งโดยส่วนใหญ่อากงก็จะได้ของกลับไปในที่สุด ไม่อาทิตยนี้ก็อาทิตย์หน้า คนขายเองแม้จะถูกต่อขนาดนี้ก็ยังชอบท่าทีลีลาของอากง
และอดรู้สึกไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเงินที่อากงยอมจ่ายนั้น
จ่ายให้กับการพูดคุยที่ออกรสชาติเสียมากกว่า
ก่อนกลับอากงจะซื้อหนอนสองขีดไปเป็นอาหารปลาที่บ้าน
เหล่านี้เป็นกิจวัตรที่อากงปฏิบัติมาเป็นเวลาหลายปี
อากงมีลูกสาวสามคน
คนโตอยู่ต่างประเทศ คนรองอยู่กับครอบครัวตัวเอง
ส่วนคนเล็กแยกไปเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ แกแยกทางกับเมียมานานหลายปีแล้ว
ส่วนใหญ่แกจึงอยู่บ้านคนเดียว
นอกจากในเย็นวันอาทิตย์ที่ลูกสาวคนรองและคนเล็กจะมาหา
ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เย็นจนค่ำแล้วจึงกลับ ในบรรดาลูกสาวทั้งสาม อากงสนิทกับลูกคนเล็กมากที่สุด
เพราะลูกคนนี้อยู่กับอากงมาตลอดตั้งแต่เด็ก
เมื่อแยกกับเมียแล้วลูกคนนี้ก็ตามมาอยู่กับแก
ไปเยาวราชและสวนจตุจักรกับแกทุกเสาร์อาทิตย์
จนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยและเริ่มมีสังคมเพื่อนฝูงและกิจกรรมของตัว
จึงขอแยกออกไปอยู่คนเดียว อากงเองก็ไม่ตำหนิหรือคัดค้าน มอบอิสระให้ลูกสาว
แกเชื่อในความเงียบและการพูดครั้งเดียว
ซึ่งลูกสาวคนเล็กก็เข้าใจในภาษาเงียบของอากงเป็นอย่างดี
หลังจากลูกสาวย้ายออกไป
อากงเสนอว่าจะเตรียมกับข้าวเย็นไว้ ให้ลูกสาวแวะมาเอาในวันจันทร์กับวันศุกร์
ลูกสาวคนเล็กก็รับปฏิบัติตามเป็นอย่างดี
เธอกับพ่อจึงได้พบกันสองครั้งในหนึ่งสัปดาห์ และฝ่ายลูกสาว ทุกครั้งที่กลับมาพบพ่อ
ก็จะซื้อขนมเค้กมาฝาก อากงก็จะกินขนมเค้กนั้นทันที พร้อมกับดูงิ้ว
ส่วนลูกสาวคนรองนอกจากจะมาหาอากงทุกเย็นวันอาทิตย์แล้ว
ก็จะเป็นคนดูแลเรื่องความเป็นอยู่และสุขภาพของพ่อ คอยพาไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพผิวหนังและเลือด
อากงเป็นคนดื่มชาแทนน้ำมาตลอด ทำให้เลือดจับตัวแข็งและไหลเวียนไม่สะดวก
หมอสั่งห้ามกินน้ำชาและขนมเค้ก ลูกสาวคนกลางจึงเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
คอยจัดยาแต่ละมื้อเตรียมไว้ให้ ติดเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้าน คอยเปลี่ยนฟูกและผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งชุด
พร้อมทั้งสั่งน้องสาวคนเล็กว่าไม่ควรให้พ่อต้องเตร็ดเตร่ออกไปซื้ออาหารเตรียมไว้ให้อีก
เมื่อลูกสาวคนเล็กบอกพ่อว่าไม่ต้องคอยซื้ออาหารเตรียมไว้ให้อีกแล้ว
อากงจึงบอกลูกสาวคนเล็กว่าไม่ต้องซื้อเค้กมาเช่นกัน
เหตุการณ์จึงกลายเป็นว่าหลังจากนั้นลูกสาวคนเล็กก็ไม่กลับมาหาแกที่บ้านอีก
แม้ในเย็นวันอาทิตย์
สำหรับลูกสาวคนรอง
สิ่งที่น้องสาวทำนั้นไม่เป็นผลดีกับสุขภาพของพ่อ
ไม่ว่าจะเป็นการต้องให้พ่อคอยซื้อกับข้าวเตรียมไว้ให้ทุกเย็นวันจันทร์และวันศุกร์
และชอบซื้อเค้กมาให้พ่อกินทั้งที่หมอสั่งห้าม อันที่จริงลูกสาวคนรองยังไม่รู้ว่าน้องฝ่าฝืนข้อห้ามของหมอมากกว่านั้นอีก
เช่น รินเหล้าให้พ่อดื่ม ซื้อไฟแช็กมาให้และยังคอยเติมเมื่อแก๊สหมด
ลูกสาวของคนรองของอากงเป็นคนโผงผาง
ตรงไปตรงมา ปากไว ชอบทำเสียงดังตึงตัง และออกจะเอะอะมะเทิ่ง
นอกจากนี้ยังเจ้ากี้เจ้าการเรื่องความเป็นอยู่ของอากง
ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นเป็นคนเงียบ แต่รู้จักใช้คำพูด
เมื่อมาถึงบ้านก็มักจะปรนนิบัติอย่างรู้ใจ
ยามเอ่ยสนทนาก็ถามและรู้จักฟังพ่อเล่า
จากมุมมองของอากงลูกสาวคนเล็กจึงเป็นที่รักและเป็นคนรู้ใจ แม้จะรู้ว่าลูกสาวคนรองน้อยใจแต่แกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
อันที่จริง
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวคนเล็กกับอากง
และลูกสาวคนรองกับอากงนั้นยากที่จะเปรียบเทียบ
เนื่องเพราะหนทางของความสัมพันธ์ทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกัน
ลูกสาวคนเล็กนั้นเข้าใจใน “สิ่งที่พ่อไม่ได้พูด”
ไม่ว่าจะเป็นความหมายของการไปเดินเยาวราช การไปสวนจตุจักรทุกวันอาทิตย์
การที่พ่อสั่งให้เธอมารับกับข้าวทุกเย็นวันจันทร์และวันศุกร์ กระทั่งการกินเหล้า
สูบบุหรี่ และดูงิ้ว หรือกินเค้ก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่หมอสั่งห้าม
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของพ่อ
แต่กิจกรรมทั้งหมดเหล่านั้นคือบทสนทนาระหว่างเธอกับพ่อซึ่งเป็นหนทางเดียวในการที่เธอจะเข้าถึงพ่อ
และการที่เธอเข้าใจในความหมายของสิ่งเหล่านั้นที่มีต่อพ่อของเธอต่างหากจึงทำให้เธอเลือกจะสนทนาต่อมากกว่าห้ามพ่อของเธอ ส่วนลูกสาวคนรองนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าพ่อรำคาญในความเจ้ากี้เจ้าการของเธอ
หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอห้ามนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อของเธอมีความสุข
แต่เพราะเหตุที่เธอรู้สึกถึงการเข้าไม่ถึงพ่อ
หนทางเดียวในการเข้าถึงพ่อสำหรับเธอจึงคือการแสดงความรักความห่วงใยด้วยเหตุผลทางสุขภาพและความเป็นอยู่
เพราะความเจ้ากี้เจ้าการนี้เป็นเพียงบทสนทนาเดียวที่จะทำให้เธอเข้าถึงพ่อของเธอ
แต่ในที่สุดเมื่อลูกสาวคนเล็กบอกอากงว่า
“ไม่ต้องเตรียมอาหารในเย็นวันจันทร์และวันศุกร์” และอากงก็ตอบไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องซื้อเค้กมาอีก” ก็ทำให้บทสนทนาระหว่างอากงและลูกสาวคนเล็กต้องสะดุดหยุดลงเพราะ
“คำพูด” เป็นเหตุ
บนหนทางเดียวกัน
หากอากงต้องการยุติการสนทนากับลูกสาวคนรอง
อากงก็อาจจะไม่ต้องแอบลูกสาวคนรองสูบบุหรี่ แต่หันไปสูบต่อหน้าแทน
ก็ย่อมเป็นการยุติการสนทนาโดยไม่ต้องใช้ “คำพูด”
แม้แต่คำเดียว
ชายชราวัย 70 และลูกสาวทั้งสองคน
เป็นตัวละครในเรื่องสั้น “ด้วยรักและความลับเล็ก ๆ”
ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้น ไม่ย้อนคืน ของ อุทิศ เหมะมูล
นักเขียนหนุ่ม
เรื่องราวละม้ายความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสาม
เป็นสิ่งดาษดื่นที่เราสามารถพบได้ในชีวิตของคนรอบกายหรือแม้แต่ตัวของเราเอง
หากเพียงแต่เราหยุดสังเกตมองหนทางในการเข้าถึงมนุษย์อีกคนหนึ่งในความหมายที่นอกเหนือจากคำพูดและภาษา
คำพูดและภาษาแม้จะดูเหมือนทำให้คนใกล้และห่างกันได้
แต่บางทีเมื่อเราพิจารณาดี ๆ คำพูดหรือภาษาอาจเป็นเพียงผลลัพธ์ของ “สิ่งที่ไม่ได้พูด” เท่านั้น
หาได้มีความสำคัญหรือมีความสามารถจะทำให้คนเราใกล้หรือห่างกันได้เลย
พิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ฅ.คน
Comments
Post a Comment