บางสิ่งที่สุกสกาว
หากชีวิตคือการเดินทาง
มันก็เป็นการเดินทางที่เริ่มต้นขึ้นโดยเราไม่รู้อะไรเลย แม้แต่จุดหมายปลายทางของเรา เราเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้
แต่สิ่งแรกที่เราทำตั้งแต่ยังไม่ทันลืมตาดูโลกก็คือพยายามหายใจ
และหากเราไม่ทำก็จะมีมือมาตีที่ก้นของเราเพื่อบังคับให้เราทำ การหายใจนั้นก็คือการมีชีวิต
ชีวิตจึงเป็นการเดินทางที่เราถูกบังคับให้เริ่มต้นพร้อมกับความเจ็บปวดและหวาดกลัว
หากชีวิตคือการเดินทาง มันก็เป็นการเดินทางที่ทำให้เราค่อย ๆ
เรียนรู้ ทั้งสิ่งที่เราอยากรู้
และสิ่งที่เราไม่อยากรู้
และจากการเดินทางแต่ละก้าวนั้นเอง
หากโชคดี เราก็จะค่อย ๆ รู้ถึงจุดหมายปลายทางของเรา
สำหรับบางชีวิต
การได้ตระหนักถึงจุดหมายปลายทางเป็นสิ่งมีค่า
และทำให้การเดินทางผ่านชีวิตมีความหมายขึ้นมา ไม่ว่าแต่ละย่างก้าวนั้นจะเป็นความปีติ
หรือเจ็บปวด
แต่ก็ด้วยชีวิตอีกนั่นแหละ ในบางความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเรา ชีวิตก็ทำให้เราสงสัยขึ้นว่า จุดหมายปลายทางที่เราตระหนักนั้น ใช่จุดหมายเดียวกับชีวิตจริงหรือ หรือแท้จริงแล้ว ชีวิตเป็นการเดินทางที่ปราศจากจุดหมาย เราเพียงเกิดขึ้น มีอยู่
และวันหนึ่งก็จะตายจากไป
ในห้วงเวลาที่ชีวิตมอบความสับสนลังเลใจให้กับเรา เราจะรู้สึกไม่แน่ใจว่าสิ่งใดคือสิ่งมีค่าในชีวิตของเรา
บางสิ่งที่สุกสกาว เป็นหนังสือเล่มบาง
ๆ เขียนโดย กฤษกร วงศ์กรวุฒิ บรรจุข้อเขียนสั้น ๆ
ไม่กี่หน้าไว้จำนวนหนึ่ง
ข้อเขียนเหล่านี้เคยตีพิมพ์ในฐานะบทบรรณาธิการของนิตยสาร ฅ.คน แต่แม้จะปรากฏครั้งแรกในฐานะบทบรรณาธิการ
เนื้อหาของข้อเขียนก็หาได้กล่าวถึงนิตยสารเล่มดังกล่าวโดยตรง หากแต่เป็นการบอกเล่าสนทนาผ่านเรื่องราวสั้น ๆ
ที่ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทาง
โดยที่การเดินทางเหล่านั้น
เป็นสิ่งที่ผู้เขียนกระทำอยู่เป็นประจำในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิต มากกว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นการเฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศแปลกใหม่ หรือคำตอบของชีวิต
“...เขาจะต้องหันมาเริ่มต้นศึกษาสัตว์กีบทั้งหลายในป่าที่เคยเป็นงาน
‘ไม่ท้าทาย’ ในชีวิต
เพราะสัตว์เหล่านี้ไม่เพียงถูกเสือควบคุมตามธรรมชาติ แต่พวกมันก็ควบคุมเสือด้วย
ถ้าปีไหนแห้งแล้งจนสัตว์กีบอดอยากล้มตายหรือถูกล่าจนหมด แม้พรานป่าจะไม่ไปยุ่งกับเสือเลย เสือก็ตายอยู่ดี...” คือบางส่วนจาก
ฝนกลางป่าและเพื่อนเก่า
ที่เล่าถึงนักวิจัยสัตว์ป่าผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่และท้าทายคือการศึกษาเสือโคร่ง
แต่แล้ววันหนึ่งก็พบว่าเขาต้องทำงานที่ไม่ท้าทาย
เพื่อให้งานที่ท้าทายอันเป็นฝันของเขานั้นดำเนินต่อไปได้
“ไม้หอมเป็นไม้ที่แสนจะธรรมดา ลำต้นเกลี้ยง ๆ แทบไม่มีจุดเด่นใด ๆ แม้เคยเห็นมาก่อน แต่ถ้าให้ไปเจอในป่าตรงหน้าก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี มันเป็นไม้เนื้ออ่อน มีแต่กระพี้
โค่นทิ้งไว้ไม่ถึงสองปีก็ผุหมด
แต่สิ่งที่ทำให้ไม้ไร้แก่นชนิดนี้เป็นของสูงค่าขึ้นมา ก็เพราะเนื้ออ่อน ๆ ของมันถูกหนอนเจาะไชได้ง่าย ด้วยความที่ไม่อยากยืนต้นผุตาย
มันจึงปล่อยยางสีดำออกมาเคลือบแผลหนอนเจาะทีละน้อย ๆ เวลาผ่านไป
ยางสีดำกลิ่นหอมก็จับกันมากเข้า
กลายเป็นแก่นที่แข็งแรงกว่าเนื้อไม้จริง
เกิดเป็นแก่นสารธรรมดาของต้นไม้ที่ไม่มีแก่นสาร” บางส่วนจาก
ในความไร้แก่นสาร ซึ่งเปิดเผยให้เห็นความยอกย้อนของธรรมชาติและชีวิต ความหมายที่กลายกลับระหว่างเปลือกและแก่น ทำให้เห็นว่า
สำหรับชีวิตแล้ว ไม่มีทั้งสิ่งที่ “เป็นสาระ” และ “ไร้สาระ” การกระทำสิ่งที่ดูเหมือนว่าไร้สาระในชีวิตนั้น บางครั้งอาจเป็นสิ่งที่มีเหตุมีผลอย่างยิ่ง
แม้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจ
คำถามคำตอบในเรื่องจริยธรรมบทเล็ก ๆ
อีกบทหนึ่งที่ผมชอบก็คือตอน วิถีของคน
ผู้เขียนได้ทำเครื่องจีพีเอสตกหายในซอยบ้านของเขา จึงติดประกาศตามหาไปทั่วซอย
จนในที่สุดวันหนึ่งก็มีคนนำเครื่องดังกล่าวมาคืน ผู้เขียนได้เตรียมเงินไว้จำนวนหนึ่งเป็น ‘สินน้ำใจ’ ให้กับผู้นำของมาคืน แต่พอเมื่อได้พบกัน
มือของเขาที่ล้วงไปกำเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงก็หยุดค้างอยู่แค่นั้น
“ไม่ใช่ว่าผมเกิดเสียดายขึ้นมาในนาทีสุดท้าย แต่เป็นเพราะผมไม่แน่ใจว่า เงินที่ผมเรียกมันว่า ‘สินน้ำใจ’
จะใช้ได้ในสถานการณ์นี้
ผมกลัวว่ามันจะทำลายความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่มนุษย์ไม่รู้จักกันสองคนมีให้กัน”
เหล่านี้เป็นตัวอย่างของท่วงทำนองจากข้อเขียนสั้น
ๆ แต่ละชิ้น
ซึ่งฉายให้เห็นสิ่งละอันพันละน้อยที่งอกงามขึ้นเป็นความหมายระหว่างมีชีวิต บทเรียนรู้บทเล็ก ๆ ที่บอกให้เรารู้ว่า
ชีวิตมีสิ่งใหม่มอบให้เสมอ เมื่อเราพยายามจะขีดเส้นจำกัดความหมายให้มัน ขณะเดียวกัน สิ่งที่เราเคยมั่นใจว่าเป็นสิ่งมีค่าของชีวิต ในบางโมงยามกลับว่างโหวง
ไร้น้ำหนักจนทำให้เรารู้สึกถึงความรกร้างที่ทอดลามอยู่ภายใน
หากชีวิตคือการเดินทาง
มันก็เป็นการเดินทางที่ยาวไกลจนบางครั้งเราได้หลงลืมเส้นทางที่เราเคยก้าวผ่านมา การได้อ่านหนังสือบางเล่มก็คล้ายได้สนทนากับเส้นทางในอดีตของตนเองที่เราอาจจะลืมเลือนไปแล้ว
ในการเดินทางที่ไร้เป้าหมาย เราค่อย ๆ
เรียนรู้ที่จะตระหนักถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต
แต่เช่นเดียวกันกับที่ทำให้เรามีจุดหมาย
ในบางครั้งเมื่อเราออกเดินไปพร้อมกับจุดมุ่งหมายที่ได้มา ชีวิตกลับทำให้เราค่อย ๆ
เรียนรู้ที่จะเดินต่อไปโดยวางจุดมุ่งหมายนั้นลง
ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าชีวิตช่างยอกย้อนจนทำให้เราสับสน ชีวิตกลับเผยแผ่ความเรียบง่ายออกมา
ในวาระสิ้นปีเก่าเข้าปีใหม่ที่เวียนมาอีกครั้ง
บรรยากาศของการเปลี่ยนปีทำให้ใครหลายคนตั้งคำถามถึงชีวิตตนเอง แต่ไม่ว่านิยามชีวิตของใครจะเป็นอย่างไร เราทุกคนล้วนต้องการให้ชีวิตมีความสุข
แต่ความสุขจะเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งมีค่าในชีวิตของเราหรือไม่ จะเป็นสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริงหรือเปล่า
บางครั้งการได้คำตอบมาก็ต้องผ่านความเจ็บปวด สำหรับผู้ที่ได้เคยประสบกับความเข้าใจที่ล้ำค่าหลังจากผ่านพ้นความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีค่าหนึ่งในชีวิต
สิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเราหากไม่ใช่ความเจ็บปวดแล้ว
ก็มักจะเป็นความปลาบปลื้มใจ
ทั้งสองสิ่งนี้มักจะโดดเด่นขึ้นบนฉากภาพอื่นอันเลือนรางในการหวนรำลึกของเรา แต่ก็ใช่ว่าจะมีเพียงสองสิ่งนี้เท่านั้นที่สามารถเป็น
‘บางสิ่งที่สุกสกาว’
แต่ละข้อเขียนในหนังสือเล่มนี้ แม้จะเป็นเพียงข้อเขียนสั้น ๆ
ทว่าบางบทบางตอนกลับสามารถเรียกคืนฉากหลังอันเลือนรางของความจำกลับมาได้ คล้ายการปรับโฟกัสของเลนส์กล้อง ซึ่งเปลี่ยนให้รายละเอียดอันดูไม่สลักสำคัญในฉากหลังของภาพกลับแจ่มชัดขึ้นมา
เมื่อนั้นสิ่งที่สุกสกาวก็อาจเป็นได้แม้สิ่งที่เราไม่เคยคิดถึงในฐานะของความยินดีหรือความเจ็บปวด
และสิ่งนั้นอาจกลายเป็นสิ่งมีค่าอย่างแท้จริง สำหรับการเดินทางที่เริ่มต้นด้วยความไม่รู้
เจ็บปวด และหวาดกลัว
พิมพ์ครั้งแรก นิตยสารอิมเมจ ธันวาคม 2552
Comments
Post a Comment