คนเป็นหุ่นกับหุ่นเป็นคน
ในหนังเรื่อง I, Robot มีพระเอกสองคน คนหนึ่งเป็นคนอีกคนเป็นหุ่น
น้ำหนักของหนังตอนแรกอยู่ที่พระเอกที่เป็นคน
แต่ตอนท้ายจนถึงฉากจบพระเอกที่เป็นหุ่นก็มีบทบาทขึ้นมา
เรื่องเกิดในโลกอนาคตที่หุ่นยนต์เดินกันขวักไขว่ภายใต้กฎ
3 ข้อ 1. ห้ามทำร้ายมนุษย์และจะนิ่งเฉยปล่อยให้มนุษย์เป็นอันตรายไม่ได้ 2. ต้องฟังคำสั่งของมนุษย์
เว้นแต่คำสั่งนั้นจะละเมิดกฎข้อ 1 3.
หุ่นยนต์จะต้องป้องกันตัวเองจากอันตราย เว้นแต่การกระทำนั้นจะขัดกับกฎข้อ 1 และ 2
ด็อกเตอร์คนหนึ่งร่วงลงจากห้องทำงานบนตึกสูงของบริษัทหุ่นยนต์
พระเอกคนแรกจึงปรากฏตัว เขาเป็นนักสืบที่มีอคติต่อหุ่นและไม่เคยไว้วางใจมัน
เรื่องคลี่คลายสาเหตุของความไม่ไว้ใจในตอนกลางเรื่องว่าเป็นอุบัติเหตุ
คนขับรถบรรทุกหลับในบี้รถคุณนักสืบกับรถเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รถของทั้งคู่ตกน้ำ
หุ่นยนต์ตัวหนึ่งกระโดดลงมาช่วยคุณนักสืบ นักสืบสั่งให้หุ่นไปช่วยเด็กผู้หญิง
แต่หุ่นไม่ฟัง เพราะหุ่นคำนวณแล้วโอกาสรอดของนักสืบมี 45%
ส่วนของเด็กผู้หญิงมีเพียง 11% แต่เหตุผลนี้ดูบางเบาเหลือเกินสำหรับอคติรวมถึงฝันร้ายของคุณนักสืบ
สิ่งเดียวที่ทำให้มันดูมีน้ำหนักก็คือหนังต้องการให้เราหมกมุ่นอยู่แต่กับประเด็นหุ่นยนต์
(หรือตัวหนังเองกำลังหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องกฎสามข้อ)
แขนซ้ายของนักสืบทั้งหมดจนถึงหัวไหล่เป็นแขนกล
รวมถึงอวัยวะภายในบางส่วน หนังไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นหรือเปล่า
แต่ถ้าจะอนุมานเช่นนั้นก็คงไม่ผิด คุณนักสืบจึงกลายเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่น
หรือเป็นคนที่มี ความเป็นหุ่นอยู่ในตัว
พระเอกคนที่สองเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่เหมือนใคร
เนื่องจากเขาอยู่พ้นไปจากกฎสามข้อ
ซันนี่เป็นผลงานสร้างสรรค์ชิ้นสุดท้ายของด็อกเตอร์ผู้สร้างหุ่นยนต์ที่ตกลงมาจากตึกตาย
ซันนี่มีวิจารณญาณ มีอารมณ์ความรู้สึก และมีความฝัน
เรื่องมาคลี่คลายในตอนท้ายว่าซันนี่เป็นคนฆ่าด็อกเตอร์
เพราะว่าด็อกเตอร์เป็นคนสั่งเอง ด็อกเตอร์ถูกกักขังอยู่ในห้องทำงาน
เขาล่วงรู้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิด เนื่องจาก AI ที่ควบคุมระบบกำลังพัฒนาตัวเองไปผิดทาง
แต่เขาไม่สามารถติดต่อใครได้ เขาจึงแอบสร้างซันนี่ขึ้น
แล้วสั่งให้ซันนี่โยนเขาลงมาจากห้องบนตึก เพื่อการตายของเขาจะดึงคุณนักสืบมา
และเพื่อให้นักสืบสามารถแกะรอยไปถึงหายนะที่กำลังจะเกิด
แล้วนักสืบก็ซอกซอนจนพบตัวซันนี่
ไล่ล่าจนจับเขาได้ ซันนี่ถูกส่งคืนบริษัทและจะต้องถูกปลดประจำการ
ซึ่งก็หมายถึงการตายสำหรับหุ่นยนต์ แต่ด็อกเตอร์สาว, นางเอกของเรื่อง, ก็แอบช่วยซันนี่ไว้โดยสลับเขากับหุ่นตัวอื่น
ตอนท้ายเมื่อระบบควบคุมพัฒนาตัวเองและใช้หุ่นยนต์รุ่นใหม่ยึดเมือง
คุณนักสืบ ด็อกเตอร์สาว และซันนี่จึงร่วมมือกันทำลายระบบ
การทำลายระบบจะต้องเอาเข็มใส่น้ำยาไปฉีดที่ลูกแก้วอันใหญ่ที่ห้อยอยู่กลางโดมของบริษัทหุ่นยนต์
ตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องซันนี่วิ่งไปเอาน้ำยามา
และกำลังจะกระโดดลงไปที่ลูกแก้วเพื่อทำลาย AI เจ้าปัญหา
เวลาเดียวกันด็อกเตอร์สาวก็ถูกพวกหุ่นเหวี่ยงลงไปห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
คุณนักสืบตะโกนให้ซันนี่ช่วยนางเอกซึ่งกำลังจะตกมิตกแหล่
แต่ซันนี่ต้องเอาน้ำยาไปฉีดใส่ลูกแก้วเพื่อภารกิจจะได้สมบูรณ์ ซันนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
สุดท้ายก็ตัดสินใจโยนเข็มไปที่พระเอกแล้วกระโดดลงไปช่วยด็อกเตอร์สาว
คุณนักสืบกระโดดไปรับเข็มฉีดยาแล้วใช้แขนข้างที่เป็นหุ่นรูดตามแกนห้อยลงไปยังลูกแก้วแล้วปักเข็มใส่สมองกลเจ้าปัญหา
ซันนี่ก็สามารถช่วยด็อกเตอร์ขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย เรื่องจึงจบลงด้วยดี
ฉากไคลแม็กซ์นี้พยายามที่จะตะโกนบอกเราว่า
ซันนี่ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ได้ตัดสินใจแบบคนด้วยการละทิ้งภารกิจกระโดดลงไปช่วยด็อกเตอร์
ส่วนนักสืบซึ่งเป็นคนก็ใช้ความเป็นหุ่นซึ่งก็คือแขนข้างซ้ายปฏิบัติภารกิจต่อจนเสร็จสิ้น
หนังนำความเป็นคนในหุ่นและนำความเป็นหุ่นในคนของพระเอกทั้งสองมาร่วมไม้ร่วมมือกันสร้างวีรกรรมกู้โลก
(ตามแบบฉบับฮอลลีวูด) อีกหนหนึ่ง
ฉากท้าย ๆ ส่งความหมายไล่หลังมาอีกสองสามประการ
เช่น ในที่สุดคู่อริก็จับมือกัน
โดยซันนี่ใช้แขนข้างหนึ่งที่ถลอกปอกเปิงยื่นไปจับมือกับคุณนักสืบ
ซึ่งไขว้แขนข้างที่เป็นหุ่นซึ่งก็ยับเยินไม่แพ้กันไว้ข้างหลัง
ฉากสุดท้ายเป็นสิ่งที่อยู่ในความฝันของซันนี่
เป็นฉากที่มีอารมณ์เปลี่ยวเหงาแบบไอแซค อาซิมอฟที่สุด
(หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจเกี่ยวกับกฎ 3 ข้อ
ของหุ่นยนต์ในนิยายของไอแซค อาซิมอฟ) : สิ่งก่อสร้างหักร้างยืนเป็นฉากหลัง
ถัดมาเป็นเนินทราย มีคนยืนเด่นอยู่
และด้านล่างเป็นเงาหุ่นยนต์มากมายต่างจ้องมองไปยังคนบนเนินทราย ซึ่งก็คือซันนี่
AI ย่อมาจาก
Artificial Intelligence แปลว่า
ปัญญาประดิษฐ์ เป็นความพยายามของมนุษย์ในการสร้าง สิ่งที่คิดได้ เรื่องของหุ่นยนต์ก็มักจะเกี่ยวกับ AI อยู่เสมอ
และบรรดา AI ในเรื่องราวเหล่านั้นก็มักจะจบลงที่ความฝันหรือความปรารถนา
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของมนุษย์ที่กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของหุ่นยนต์
ว่าไปแล้วประเด็นหุ่นอยากเป็นคนนี้ก็สะท้อนความหลงตัวเองของมนุษย์อยู่ไม่น้อย
ขณะเดียวกันความฝันและความปรารถนาที่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำสาปหรือพรสวรรค์ก็กลายเป็นคุณสมบัติที่ถูกยกย่องขึ้นมา
หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ฮอลลีวูดชวนเราฝันเฟื่องถึงวันหนึ่งที่
AI จะพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์
มีอารมณ์ความรู้สึก มีหัวใจ มีความอ่อนไหว มีวิจารณญาณ จนกระทั่งมีจิตวิญญาณ
และหุ่นก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ใหม่ในจักรวาลที่มีชะตากรรมเป็นของตัวเอง
โดยมีฉากสุดท้ายของหนังรางเลือนอยู่ในความทรงจำของเผ่าพันธุ์คล้ายภาพเขียนสีประวัติศาสตร์บนผนังถ้ำ
เรื่องของเผ่าพันธุ์หุ่นนี้ก็โรแมนติกดี
แต่ต้นแบบของมันนี่สิกลับเป็นสิ่งที่น่าคิดน่าสงสัย
ความสูงส่งของปัญญาประดิษฐ์สุดท้ายก็กลับมาที่ความเป็นมนุษย์
แต่เป็นความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในความนึกคิดนึกฝันของมนุษย์เท่านั้น!
ความเป็นคนในหุ่นนั้นเรื่องหนึ่ง แต่ความเป็นหุ่นในคนก็อีกเรื่องหนึ่ง
ความเป็นหุ่นในคนแบบ science
fiction อาจจะเป็นการที่พระเอกของเรื่องเก่งกล้าสามารถเกินมนุษย์จนกู้โลกได้
แต่ความเป็นหุ่นในคนแบบ realistic
fiction ก็หมายถึงคนที่มีเลือดมีเนื้อ
มีชีวิตจิตใจเดินกันตัวเป็น ๆ อยู่บนโลกใบนี้ แล้วก็ฆ่าคนตัวเป็น ๆ ด้วยกัน
ได้อย่างจิตใจที่เฉยเหมือนหุ่นยนต์ด้วย
คงยังไม่ต้องคิดถึงหุ่นที่มีจิตวิญญาณกระมัง
เพราะลำพังคนจริง ๆ มีเลือดมีเนื้อจริง ๆ
นั้นไปถึงจิตวิญญาณสูงส่งที่ว่ากันสักแค่ไหน
เมื่อเราฝันถึงปัญญาประดิษฐ์สูงส่งที่รู้จักคิด ก็ไม่ควรลืมปัญญาไม่ประดิษฐ์ที่ยังไม่ค่อยรู้จักคิด
ลำพังสิ่งที่เรามีนั้น เราใช้มันแค่ไหน สงคราม ความเห็นแก่ตัว การฆ่าฟัน การกดขี่
การเอารัดเอาเปรียบ ขูดรีด เบียดเบียน
ล้วนเป็นผลงานของปัญญาไม่ประดิษฐ์ของมนุษย์ใช่หรือไม่
อยากจะชวนคนที่ฮอลลีวูดซึ่งเป็นพวกที่อยู่บนส่วนยอดของปีระมิดแห่งความโลภนี้ช่วยใช้ปัญญาไม่ประดิษฐ์ของท่านตรองดูกันหน่อยเถิด
พิมพ์ครั้งแรก a day weekly 2547
Comments
Post a Comment