สีกรมท่าและสีกากี รักแรกและภาพนิ่ง, โลกสองใบกับชนชั้นในภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน



สิ่งแรกที่ทำให้ผมสะดุดระหว่างดูหนังเรื่องแฟนฉันก็คือ การปรากฏตัวขึ้นของสีกากีในฉากท้าแข่งบอล ระหว่างพวกแจ๊คกับพวกฉา การสะดุดนี้ส่งผลให้การดูหนังของผมตั้งแต่ฉากนั้นห่มคลุมด้วยความรู้สึกบาง ๆ อย่างหนึ่ง  รักแรกและภาพนิ่ง คือสิ่งที่ดึงความรู้สึกของผมกลับมาสู่หนังเรื่องนี้ 

คนที่ฟุ้งฝัน และชอบเก็บตัวจำนวนหนึ่ง มักเคยคิดถึงรักแรก และส่วนหนึ่งก็อ่อนไหว (ถ้าผู้ใหญ่มาเห็นเขาจะเรียกแก่แดดแก่ลม) จนคิดถึงความรักก่อนวัย  ผมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

ไม่รู้ว่ามีเด็กชายกี่คน ที่จะเคยฟุ้งฝันเช่นนี้ แต่หนังเรื่องนี้ก็ปลุกความรู้สึกนั้นขึ้นมา

ผมคิดถึงความรัก ตั้งแต่ยังเป็นเด็กที่ไม่บรรลุภาวะในเรื่องเพศ ตอน ป.2 ผมแอบชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จนบัดนี้ผมยังจำได้ว่าเธอชื่อ 'ชโลธร' ต่อมาจินตนาการของผมก็เติบโตงอกงามเมื่ออ่านออกเขียนคล่อง หนังสือการ์ตูนคือเครื่องมือชั้นดีในการฟูมฟัก และผมก็หลงใหลงานของอาดาจิ มิซึรึตั้งแต่ ป.5

พูดง่าย ๆ ว่าผมอยากมีแฟนตั้งแต่เด็ก โดยที่ไม่ต้องรอฮอร์โมนทางเพศผมก็คิดถึงความรักเสียแล้ว ใฝ่ฝันถึงเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันคนหนึ่ง ที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นเพื่อนคุย อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา ยิ่งติดการ์ตูนของอาดาจิงอมแงม จินตนาการก็ยิ่งเปิดเปิง

ในชีวิตจริง ผมย้ายโรงเรียนตอน ป.2 เติบโตมาในโรงเรียนชายล้วน กับเด็กแถวบ้านผมก็เล่นแต่กับเพื่อนผู้ชาย เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงมีอยู่จริงเพียงในความฝันของผม ถึงแม้ต่อมาเมื่อผมโตขึ้น มีแฟนจริง ๆ จนเปลี่ยนแฟนไปหลายรอบ กลายมาเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังไม่มีความจริงใดเข้ามาแทนที่เด็กหญิงในฝันของผม (บัดนี้เด็กคนนั้นก็ยังคงเป็นเด็กหญิง เช่นเดียวกับน้อยหน่าของเจี๊ยบ)

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หนังเรื่องแฟนฉันจะไม่ชนะใจผมได้อย่างไร

สิ่งหนึ่งที่เรียกความคุ้นเคยของผม ให้กลับมาก็คือภาษาภาพ

อย่างที่บอกไว้ว่าผมติดการ์ตูนของอาดาจิ มิซึรึตั้งแต่ ป.5 จึงสังเกตได้ไม่ยากว่า ภาษาภาพในหนังเรื่องนี้คล้ายคลึง (ถ้าเป็นผู้ใหญ่เขาเรียกว่าได้รับอิทธิพล) กับภาษาภาพในการ์ตูนของอาดาจิ มิซึรึ อย่างยิ่ง

การ์ตูนของอาดาจิเป็นการ์ตูนวัยรุ่น ตัวละครและเรื่องราวก็เป็นเรื่องของวัยรุ่น และความรักของวัยรุ่น

อาดาจิมักจะผูกเรื่องกีฬาเขากับความรัก และให้พระเอกกับนางเอก อยู่บ้านติดกันและเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เขาจะค่อย ๆ พัฒนาตัวละคร โดยให้ความรักกันฉันเพื่อนในวัยเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรักของหนุ่มสาวในวัยรุ่น โดยมีกีฬา (ซึ่งมักจะเป็นเบสบอล) เป็นตัวขับเรื่องให้เข้มข้น

แต่ความโดดเด่นของนักเขียนการ์ตูนคนนี้ ไม่ใช่การผูกเรื่อง ตรงกันข้าม เขากลับชอบใช้โครงเรื่องซ้ำ ๆ ในการ์ตูนหลาย ๆ เรื่อง บุคลิกของตัวละครก็ไม่ค่อยเปลี่ยน ทว่า ความโดดเด่นของเขากลับอยู่ในภาษาภาพที่เขาใช้ในการดำเนินเรื่อง หากนำการ์ตูนที่เขาเขียนตั้งแต่ยุคแรก ๆ ไล่มาจนถึงปัจจุบันมาเปรียบเทียบกัน เราจะเห็นพัฒนาการของภาษาภาพของเขาได้ชัดเจน จนกระทั่งกระชับอยู่มือ และช่ำชองอย่างยิ่งในปัจจุบัน

ภาษาภาพของอาดาจิ เป็นการบอกโดยไม่บอก เป็นสิ่งที่คนเขียนหนังสือเรียกว่า "ระหว่างบรรทัด"

ระหว่างดำเนินเรื่องอาดาจิ มักจะออกนอกเรื่องนอกราวจนเป็นบุคลิกประจำตัว บางทีเรื่องกำลังดำเนินอยู่เขาก็เฉไปพูดเรื่องท้องฟ้า ก้อนเมฆ (โดยมากมักจะเป็นสาว ๆ) ความเอื่อยเฉื่อยจึงเป็นบุคลิกประจำการ์ตูนของเขา แต่เขาก็ดึงกลับเข้าเรื่อง และเอาเรื่องจนอยู่หมัดได้ด้วยภาษาภาพอันเอื่อยเฉื่อยที่เขาช่ำชองนั่นเอง

เขามักจะชอบแช่ภาพนิ่ง ๆ ที่ฉากใดฉากหนึ่ง แล้วปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงค่อย ๆ เกิดขึ้นในกรอบภาพนั้นอย่างไม่รีบร้อน แต่ด้วยภาพไม่กี่กรอบของเขา กลับบอกเล่าเรื่องราวได้ลึกและมีพลังเสียยิ่งกว่าภาพที่มีคำพูดประกอบ

ภาษาภาพในหนังเรื่องแฟนฉัน ตั้งแต่ฉากแรก ๆ ไปจนถึงฉากท้าย ๆ ล้วนอบอวลไปด้วยการเล่าเรื่องด้วยภาพแบบอาดาจิ มิซึรึ ไม่ว่าจะเป็นฉากตอนเช้า ที่กล้องแช่ทิ้งไว้เฉย ๆ ที่หน้าบ้านเจี๊ยบกับน้อยหน่า จนแม่เจี๊ยบเดินเข้าเฟรมมา หายเข้าไปในบ้าน และมีเสียงแม่ดุ และเสียงตึงตังจากในบ้าน ที่บอกให้เรารู้ว่าเจี๊ยบตาลีตาเหลือกตื่นขึ้นมาแต่งตัวไปโรงเรียน ฉากรถเมล์ที่หยุดตรงต้นคูน ซึ่งมีดอกสีเหลืองสุกสว่าง และพ่อขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาส่งเจี๊ยบขึ้นรถ (ฉากนี้ใช้ดำเนินเรื่องไปจนถึงตอนท้ายที่เจี๊ยบกับพวกแจ๊คขี่รถน้ำแข็งตามรถของน้อยหน่า แต่ต้นคูนทิ้งดอก เหลือแต่ใบสีเขียวบ่งบอกถึงวันเวลาที่ผ่านไป)

นอกจากนี้ยังมีมุขอีกจำนวนหนึ่ง ที่คล้ายคลึงกับการ์ตูนของอาดาจิ อย่างเช่น ภาพแช่ที่โทรโข่งประจำโรงเรียน โดยมีเสียงประกาศเรียกชื่อนักเรียนคนเดิมซ้ำ ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เองที่เป็นตัวชักนำ ให้ผมรำลึกถึงเด็กผู้หญิงคนนั้น หาใช่เพลงประกอบและยี่ห้อสินค้าต่าง ๆ ที่ปรากฏในเรื่อง

พ่อ แม่ โรงเรียน เพื่อน การ์ตูนญี่ปุ่น หนังกำลังภายใน และละครน้ำเน่า ประกอบกันเข้าเป็นโลกใบหนึ่ง

"หนังเรื่องนี้ ถ้าคนอายุ 25 ปีขึ้นไปจะโดนเต็ม ๆ" คือคำให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งของบุษบา ดาวเรือง ผู้ดูแลสื่อประชาสัมพันธ์ของหนังเรื่องนี้

ผมเป็นคนอายุมากกว่า 25 ปี คนหนึ่งที่ 'โดนเต็ม ๆ' แต่ผมไม่คิดว่าคนอายุ 25 ปี ขึ้นไปทุกคนดูหนังเรื่องนี้แล้วจะโดน คนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วโดนจะต้องเป็นคนที่เคยอาศัยอยู่ในโลกใบนั้นเท่านั้น

โลกใบนั้นที่ผมกล่าวถึงก็คือ โลกของสีน้ำเงินและสีกรมท่า

ผมบอกไว้ในตอนต้นว่า สีกากีทำให้ผมสะดุด ทันทีที่พวกฉาปรากฏตัวขึ้น มันก็ทำให้ผมสังเกตเห็นโลกสองใบ

เมื่อกล้องจับอยู่ที่พวกแจ๊ค เราจะเห็นได้ว่าพวกเขาสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ที่ชวนให้เรารู้สึกถึงความสนุกสนานและไร้เดียงสา

แต่พอกล้องแพนกลับมาจับอยู่ที่พวกฉา ความรู้สึกบาง ๆ บางอย่างก็เกิดขึ้น พวกของฉายืนร่างเปลือยสวมเพียงกางเกงนักเรียนสีกากี เผยให้เห็นผิวเนื้อกร้านแดดกร้านลม พวกเขาดูซีดจางเหมือนกับรูปถ่ายเก่า ๆ

แม้ว่าพวกแจ๊คจะเล่นทโมนโลดโผน สอยมะม่วง จับปลา กระโดดน้ำคลุกขี้โคลนกันจนมอมแมมขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะทำตัวให้ดูกร้านชีวิตได้เท่ากับพวกฉา ที่แม้แต่เพียงยืนเฉย ๆ ก็ทำให้โลกสีกากีปรากฏขึ้น

ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงข้าราชการ สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงเอกชน ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงวัด สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงห้างสรรพสินค้า ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงอดีต สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงอนาคต ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงผืนดิน สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงท้องฟ้า ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงซองจดหมายที่มีตราครุฑ สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึง air mail ที่เราจะส่งไปต่างประเทศ ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงบ้านนอกและความล้าหลัง สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงเมืองและความทันสมัย ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงแบบแผนและความเป็นทางการ สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงความท้าทายและเป็นอิสระ ถ้าสีกากีทำให้เรานึกถึงความจน สีกรมท่าก็ทำให้เราคิดถึงความมั่งคั่งภูมิฐาน และถ้าสีกรมท่าทำให้เราลอยล่องขึ้นด้วยความฝัน สีกากีก็ทำให้เราหนักอึ้งลงด้วยความจริง

เมื่อกล้องจับที่รองเท้านักเรียนสีดำรุ่นใหม่ทันสมัยของเจี๊ยบ ผมก็นึกถึงรองเท้าสีน้ำตาลเก่าขาดของฉา

โลกของเด็ก ๆ ในแฟนฉัน เป็นโลกของสีกรมท่า เป็นโลกของเอกชน เป็นโลกอันสนุกสนานและฟุ้งฝัน เป็นโลกที่มีการ์ตูนญี่ปุ่น มีพ่อ มีแม่ และโรงเรียน เป็นโลกที่ผมเคยอยู่ เป็นโลกที่ทำให้ผมฝันถึงเด็กผู้หญิงวัยเดียวกัน เป็นโลกที่สร้างรักแรกชวนฝัน และแฟนฉันก็คือโลกใบนั้น โลกของสีกรมท่าที่สีกากีคือความแปลกปลอม และซีดจางเหมือนกับพวกของฉา

หากว่าหนังเรื่องนี้ ทำให้เราฟุ้งฝันถึงบางสิ่งบางอย่าง หากว่าภาษาภาพแบบอาดาจิ มิซึรึ จะสะกดเราไว้กับสุนทรียะบางประการ หากว่าเรากำลังคิดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้น และรักแรกอันแสนบริสุทธิ์ ก็อย่าลืมผลักหน้าต่างมองออกไป เราอาจจะพบพวกของฉา กำลังยืนเปลือยสวมกางเกงนักเรียนสีกากี จ้องมองกลับมายังโลกของเรา

และแน่นอน ถ้าพวกเขาโตขึ้น จนมีอายุมากกว่า 25 ปี และได้ดูหนังเรื่องแฟนฉันในเวลานี้ ผมเชื่อว่าเขาจะไม่โดน

พิมพ์ครั้งแรก เนชั่นสุดสัปดาห์ พฤศจิกายน 2546


Comments