จุด
ผมพลิกข้อมือซ้ายขึ้นดูด้วยความเคยชิน
เมื่อมองลงไปพบข้อมือที่ว่างเปล่าจึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมถอดนาฬิกาทิ้งไว้ที่ห้อง
นอกจากนาฬิกาแล้วก็มีโทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าสตางค์
เท่ากับวันนี้ผมเดินออกจากบ้านมาตัวเปล่า ๆ
มีเพียงเงินกับกุญแจหนึ่งพวงที่ผมยัดลงกระเป๋ากางเกง
การทิ้งสัมภาระแล้วออกเดินไปตัวเปล่า ๆ
ให้ความรู้สึกที่เบาสบายดี แต่บางครั้งก็เบาโหวงจนรู้สึกชอบกล
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ผมรู้สึกว่าตัวเองพะรุงพะรังไปด้วยอะไรต่อมิอะไรมากมาย
ตั้งแต่กระเป๋าสตางค์ที่พองตุงไปด้วยนามบัตร เศษกระดาษที่จดโน้ตต่าง ๆ บัตรเอทีเอ็ม บัตรประชาชน บัตรสมาชิกร้านกาแฟ
บัตรสมาชิกซุปเปอร์มาร์เก็ต บิลเงินสด ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ
ถัดมาสิ่งที่อยู่นอกกระเป๋าสตางค์ก็รุงรังไม่แพ้กัน ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ
แท่นชาร์จ สมุดบันทึกอย่างน้อยสองเล่ม หนังสือพ็อกเก็ตบุคอย่างน้อยหนึ่งเล่ม
กุญแจมากกว่าสิบดอก หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ สมุดโทรศัพท์ แปรงสีฟัน แว่นกันแดด
กรรไกร คัตเตอร์ ปากกาแบบต่าง ๆ ฯลฯ
จะหาอะไรทีถ้าเผลอใส่ผิดที่ก็ต้องควานต้องค้นจนวุ่นวาย
มากกว่าหนึ่งครั้งที่ผมพยายามจัดระเบียบข้าวของเหล่านี้
แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่กับความพะรุงพะรัง
สาเหตุก็เพราะความไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอนนั่นเอง
ความไม่มีหลักแหล่งนี้หมายความว่า บางวันผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องนอนที่ไหน
กลับไปนอนบ้าน นอนออฟฟิศ หรือนอนที่ร้าน ดังนั้นกุญแจทุกดอกจึงต้องอยู่ในกระเป๋า
โดยปรกติผมจะเขียนงานและอ่านหนังสือที่ออฟฟิศ
แต่ความที่ต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เสร็จในเวลาที่จำกัด
ทำให้ผมต้องพกงานติดตัวไปใช้เวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นประโยชน์
ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบนี้เปรียบได้กับสมรภูมิทีเดียว
คนเขียนหนังสือส่วนใหญ่ชอบความเรียบง่าย
เบาสบาย และผมก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ความปลอดโปร่งเป็นสภาวะที่เราต้องการเพื่อการเขียนที่ลื่นไหล
แต่การเล่นกายกรรมก็จำเป็นต้องเกิดขึ้น เมื่อต้องถูกรีดเค้นเอาศักยภาพสูงสุดออกมา
ครับ
เจ้านายตัวจริงก็คือสิ่งที่รัดอยู่บนข้อมือของผม แต่วันนี้ผมทิ้งเจ้านายไว้ที่บ้าน
การเพิกเฉยต่อเจ้านายและหมายกำหนดการต่าง ๆ
ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะไปล้อเล่น มันนำความเสียหายมาให้อย่างที่ใครไม่อยากเผชิญแน่ ๆ
แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่คิดว่าเป็นความเสียหาย จะกลายเป็นสิ่งเล็กจ้อยทันที
ถ้าเราต้องอยู่ในสภาพที่ไม่อาจหยุดตัวเอง และอาจกำลังเดินทางไปหาโรคอัลไซเมอร์
หยุด
นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำแต่ยังทำไม่ได้
ก็เลยต้องใช้วิธีแกล้งลืมเจ้านายชั่วคราว
โลกหลังการกำเนิดของนาฬิกาคงเป็นโลกที่มนุษย์เริ่มต้นดำเนินชีวิตตามหน้าปัดนาฬิกา
และมันก็ได้ก่อให้เกิดจักรวาลของเวลาอันใหม่ และจุดต่าง ๆ มากมาย
ผมละสายตาจากข้อมือซ้าย และนึกด่าตัวเองในใจ
"มึงจะรู้เวลาไปทำไมวะ"
เข็มวินาทีเคลื่อนและหยุด เคลื่อนและหยุด
กระดิกไปทีละนิดเป็นวงกลม การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก ในการทำหลายสิ่งหลายอย่างให้ลุล่วง
มันคือการร่วมไม้ร่วมมือกับเจ้านาย และคือการรู้ใจเจ้านาย
ซึ่งจะส่งให้การงานเดินไปอย่างน่าพึงพอใจ เข็มวินาทีคือเข็มที่บางที่สุดบนหน้าปัด
และวินาทีก็คือหน่วยที่เล็กที่สุดของเวลา แต่ระหว่างที่เข็มวินาทีหยุด
เวลากลับไม่ได้หยุดตาม ถ้าเราซอยวินาทีลงไปอีก เป็นพัน เป็นแสน เป็นล้าน
เพื่อหาหน่วยที่เล็กที่สุดของเวลา ณ จุดที่เล็กที่สุดของเวลา โลกอาจหยุดหมุน
เวลาอาจหยุดนิ่ง แต่ถ้าเวลาเป็นเหมือนสายน้ำ ล่องไหลไม่สิ้นสุด
ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะหยุดนิ่ง
แท้จริงแล้วเวลาคือมโนภาพที่คนสร้างให้กับอำนาจที่ทำให้โลกหมุน
ดอกไม้บาน หัวใจเต้น คืออำนาจที่ทำให้น้ำไหลจนเป็นแม่น้ำลำธาร อำนาจที่ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก
วันนี้เรารู้ว่าอำนาจที่ทำให้สรรพสิ่งเหล่านี้ดำเนินไปคือแรงโน้มถ่วง
มีคนพูดว่ามนุษย์เอาชนะแรงโน้มถ่วงได้ด้วยเครื่องบิน
แต่เครื่องบินก็ไม่อาจหยุดเวลา ภายใต้อำนาจของแรงโน้มถ่วง
โลกที่กาลเวลาหยุดนิ่งจึงเป็นไปไม่ได้แม้ในหน่วยที่เล็กที่สุดของเวลา
แต่มนุษย์ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทรงอำนาจและอยู่พ้นไปจากอำนาจของแรงโน้มถ่วง
นั่นคืออำนาจในการสร้างความหมาย
กระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เมื่อเราแต้มจุดลงไป
มันจะไม่ใช่กระดาษขาวอีกต่อไป จุดเพียงจุดเดียวทำให้กระดาษขาวไม่เหมือนเดิม
ทำให้เราสามารถกำหนดด้านหน้าและด้านหลัง
ทำให้เราสามารถแยกกระดาษแผ่นนี้ออกจากกระดาษแผ่นอื่น ๆ วัน เดือน ปี
จึงเป็นเหมือนสมุดบันทึกให้คนนัดหมายกันแต้มจุดลงบนหน้าเดียวกัน
จุดจึงกลายเป็นที่นัดพบกันของความหมาย ทั้งการสิ้นสุดและเริ่มต้น
ทั้งความรักและความเศร้า ความหมายความรู้สึกมากมายถูกนัดให้มาพบกันบนจุด
และถ้าเราไม่ผิดเวลาความหมายไม่พลาดนัด บางครั้งของการพบกันก็ทำให้เวลาหยุดเดิน
คนเปรียบเวลาเป็นสายน้ำ
สายน้ำไหลล่องไปอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุด เคลื่อนไปไร้ช่องว่าง เมื่อจุ่มมือลงลำธาร
มวลของน้ำไหลล่องผ่านมือที่หยุดนิ่ง หยดน้ำนับล้าน ๆ หยดเกิดจากสายน้ำ
แต่สายน้ำก็ไม่ใช่หยดน้ำ ความหมายล้าน ๆ ความหมายอยู่ในการห่อหุ้มของหยดน้ำ
ล่องไหลไปในกระแสธารเวลา พับเรือกระดาษ
ลอยมันไปในลำธารเพื่อจดจำน้ำหยดนั้นที่ไหลไป เรือน้อยไหลไปไกลลิบตา
ถ้าอยากจะเห็นต้องวิ่งตาม แต่น้ำหยดนั้นก็ถูกจดจำไว้แล้ว แม้วิ่งตามไม่ทัน
แต่ถ้าไม่ลืมอาจได้พบกันอีก
หนาวนี้กรุงเทพฯ เย็น ๆ พอได้ได้กลิ่นลมหนาว
เท่านี้ผมก็พอใจ ไม่ต้องถึงกับหนาวสะใจ ผมได้ข่าวลมหนาวของกรุงเทพฯ จากที่ไกล
ทำให้เกิดความรู้สึกคะนึงหา
พอถึงหน้าหนาวหน้าต่างร้านหนังสือใต้ดินจะเปิดกว้างจนสุด
รับลมหนาวที่โชยเข้ามาอบอวลอ่อนระบายอยู่ในร้านทั้งวัน
ใกล้ปีใหม่ผมมักจะชอบเดินเล่นที่สยามสแควร์
ฟังเพลงคริสต์มาสลอยอ้อยอิ่งกับลมหนาว มองดวงไฟหลายสีบนต้นไม้และร้านรวง
มองผู้คนเดินสวนมา
ปีใหม่นี้ลมหนาวไม่พลาดนัด
ขออย่าให้ใครต้องรอเก้อ นอกจากคนที่ปรารถนากระดาษขาวไม่มีจุด
พิมพ์ครั้งแรก open 49, มกราคม 2548
Comments
Post a Comment