ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ
หนังสือ ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ
เป็นหนังสือที่ช่างฝันและโรแมนติกทีเดียว
หน้าแรกของหนังสือเล่มนี้อุทิศให้กับคนชื่อ
ฮันฮีจุน จี และหน้าที่สองก็เป็นถ้อยแถลงของ มิโนรุ ยามาซากิ
หัวหน้าสถาปนิกในการสร้างตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ตึกแฝดซึ่งถล่มราบไปแล้วในวันที่
11 กันยายน 2545
ดูเหมือนว่า
ทั้งหน้าแรกและหน้าที่สองนี้จะทำให้เราเกิดความรู้สึกบางอย่างกับหนังสือเล่มนี้ก่อนที่เราจะอ่านมัน
หน้าแรกเป็นคำอุทิศที่มอบให้กับ ฮันฮีจุน จี
และจากคำอุทิศก็ทำให้เรารู้ว่า ฮันฮีจุน จี เป็นผู้หญิง นี่เป็นสองสิ่งที่มีความสำคัญทีเดียว
หนังสือเล่มนี้อุทิศให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอไม่ได้ชื่อ เปิ้ล เธอไม่ได้ชื่อ
สมศรี เธอไม่ได้ชื่อ เพียงจันทร์
เธอไม่ได้มีชื่อที่เราจะสวมใส่ความหมายในภาษาของเราให้กับตัวตนของเธอ แต่เธอชื่อ
ฮัน-ฮี-จุน-จี อักษรที่เรียงกันและอ่านว่า
ฮัน-ฮี-จุน-จี นี้เป็นคำที่ไม่มีความหมายเลยในภาษาไทย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สามารถสร้างความหมายได้ในขณะที่เราอ่านมัน
พยางค์ทั้งสี่ที่เรามองเห็นคือสิ่งที่อยู่ห่างไกล เพราะมันมาจากภาษาต่างประเทศ
เราจดจำได้ว่ามันอาจจะเป็นภาษาเกาหลี เป็นชื่อของคนเกาหลี
และก็เป็นชื่อของผู้หญิงคนหนึ่ง
นอกจากนี้แล้วเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเสียงสี่เสียงนี้มากนัก
แต่นั่นก็พอแล้วที่จะสร้างความรู้สึกถึงผู้หญิงที่อยู่ห่างไกลคนหนึ่ง
และคำอุทิศที่แสดงถึงความผูกพันลึกซึ้งก็ร้อยรัดหนังสือเล่มนี้เข้ากับตัวตนที่พร่าเลือนและไกลห่าง
พลิกหน้าต่อมาเป็นภาพเล็กๆ ของตึกคู่หนึ่งที่มีควันพวยพุ่งออกมา
พร้อมกับข้อความของสถาปนิกผู้สร้างตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
ความหมายของหน้านี้ชัดแจ้งทีเดียว มันกำลังทำให้เรานึกถึงโศกนาฏกรรมเมื่อสองปีก่อน
มันทำให้เรานึกถึงสันติภาพ และมันก็ทำให้เรานึกถึงสงครามและความรุนแรงด้วย
ก่อนที่เราจะอ่านมัน
หนังสือเล่มนี้ได้บอกให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับมันสองอย่าง หนึ่งคือมันเกี่ยวข้อง
หรือเป็นการหวนรำลึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีตัวตนอันพร่าเลือนและอยู่ห่างไกล
สองมันเกี่ยวข้องกับสันติภาพ สงคราม ความรุนแรง และความสูญเสีย
ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ
เป็นเรื่องของสถาปนิกหนุ่มคนหนึ่งที่เดินออกจากอาชีพของตนเพราะต้องการสัมผัสกับโลกที่เป็นจริง
เขากลายมาเป็นกุ๊กเร่ร่อนในลอนดอน และพานพบสัมพันธ์กับคนบางคน
บนเส้นทางการทำครัวของเขา
แม้ว่าผู้เขียนจะนำคำบรรยายเกี่ยวกับอาหารมาผูกร้อยเข้าไปในการดำเนินเรื่อง
แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอาหารเสียทีเดียว
เราจะไม่พบความลุ่มหลงคลั่งไคล้ในอาหาร หรือเผชิญการผจญภัยในโลกของครัว
อย่างที่เราจะพบใน คิทเช่น คอนฟิเดนเชียล
ทั้งภาพสะท้อนของอาหารในหนังสือเล่มนี้ก็มิได้เป็นความรู้อันลึกซึ้ง
หรือความผูกพันชั่วชีวิต อาหารจึงอยู่ในฐานะของสิ่งที่จะนำเราไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างคน
เป็นภาพสำเร็จเหมือนกับภาพสะท้อนของน้ำใสแจ๋วในทะเลสาบ
เหมือนภาพขุนเขายืนตระหง่านใต้ฟ้าสีเข้ม
เหมือนภาพทะเลสีเขียวมรกตและหมู่เกาะสลับซับซ้อน และในฐานะนั้น
ผู้เขียนได้ใช้คำบรรยายเกี่ยวกับอาหารได้อย่างดียิ่ง นำพาเรื่องราวไปได้อย่างไหลรื่น
กุ๊กเร่ร่อนคนนี้ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในลอนดอน
และลอนดอนก็ได้โยกย้ายเขาไปยังฮอยอัน เกียวโต และนิวยอร์ก
ลอนดอนเป็นดังจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งในเรื่องนี้
และอันที่จริงก็คือความทรงจำที่เขามีต่อผู้คนที่สัมพันธ์กับเขาที่ลอนดอนนั่นเอง
ที่ผลักให้เขาเดินทางไปยังสถานที่ที่แตกต่างกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของคนที่คิดคำนึงหวนไห้อยู่กับความทรงจำของตน
และปล่อยให้ความทรงจำในอดีตกลายเป็นสิ่งที่จะนำเขาไปสู่อนาคต
และการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ต่อผู้คนในอดีตนี้เองที่แสดงความสัมพันธ์ของคนกับความทรงจำของตนเอง
เขาได้อ่อนไหวต่อความทรงจำของตน
จนหมกมุ่นในเรื่องราวที่ห่างไกลดูเหมือนว่าไร้แก่นสาร
เหมือนเราได้อ่อนยวบลงด้วยรอยจูบจากความทรงจำอันเข้มข้นที่เข้าบงการเราในนามของชะตาชีวิต
ความทรงจำจึงเป็นมากกว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
มันไม่ได้อยู่ในอดีตกาลอย่างที่เราคิด แต่มันกลายเป็นสิ่งที่กำกับปัจจุบันอย่างเข้มข้น
เป็นสิ่งที่มอบความหมายให้กับอนาคตของเรา
จึงเหมือนกับว่ามนุษย์เพียงแต่มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะ ลืม บางสิ่ง และ จดจำ
บางสิ่ง
และสิ่งที่เขาเลือกที่จะจดจำมากกว่าจะลืม ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่กำหนดตัวตนของเขา
กำหนดความหมายของสิ่งที่อยู่รอบข้างเขา
คนบางคนเลือกที่จะมีชีวิตโดยที่ไม่จดจำอะไรเลย
แต่คนบางคนก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพียงในความทรงจำของตน
ความจดจำบางครั้งละม้ายคล้ายคลึงกับความฝัน มันเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในปัจจุบัน
เป็นสิ่งที่หลีกหนีไปจากปัจจุบัน เป็นสิ่งที่เบา และบางครั้งก็ขาดวิ่น แต่บางครั้งก็หนักหน่วง
รุนแรง
คนทั่วไปเมื่อถูกปลุกโดยความทรงจำ
ก็จะปล่อยให้มันพาเราลอยล่องไปชั่วขณะ ไม่นานก็ต้องกลับมาสู่ปัจจุบัน
ปล่อยตัวให้ดำเนินไปในปัจจุบัน
โดยไม่ต้องการตระหนักถึงน้ำหนักของความทรงจำที่มีต่อปัจจุบัน
นี่เป็นวิถีดำเนินของสิ่งมีชีวิตที่มีความทรงจำ เราไม่อาจแบบรับมันไว้ได้ทุกขณะ
เพราะทุกเศษเสี้ยวของการเวลาถูกแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำไม่สิ้นสุด
มันเป็นความต่อเนื่องของชีวิตที่ไม่อาจต้านทาน
แต่ตัวเอกของหนังสือ
ลอนดอนกับความลับในรอยจูบ หันหน้าเข้าหาความทรงจำของตน สบตาและสวมกอด
ปล่อยให้ความจำฝังรอยจุมพิตที่แนบแน่นลงในปัจจุบัน
เดินทางกลับเข้าไปในความทรงจำของตน เพื่อพบว่าความทรงจำนั้นก็กำลังเดินทางมาหาเขา
และรอคอยการมาถึงของเขา เพื่อทำบางสิ่งบางอย่างให้เสร็จ
และเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ
พยางค์สี่พยางค์ ฮัน-ฮี-จุน-จี
จะพลันกลายเป็นเสียงสี่เสียงที่มีความหมายสำหรับผู้อ่าน
ไม่ใช่เพียงเพราะเราได้ทราบว่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร
แต่เป็นเพราะว่าชะตากรรมของเธอได้เกี่ยวร้อยเข้ากับความทรงจำของเราที่มีต่อการวินาศกรรมที่เกาะแมนฮัตตันเมื่อสองปีที่แล้ว
ความทรงจำที่มีต่อ ฮันฮีจุน จี ในฐานะของคนรัก (หรือไม่)
อาจจะเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับกุ๊กหนุ่มเท่านั้น
แต่ความทรงจำที่มีต่อเธอในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์จะเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อเราทุกคน
"เรา" เลือกที่จะ "จดจำ" เหตุการณ์นี้อย่างไร
และความทรงจำที่มีต่อเหตุการณ์นี้ได้ฝังรอยจุมพิตเยี่ยงไรไว้กับเรา
เป็นสิ่งที่เดียวกับอำนาจที่จะกำหนดว่า "เรา" จะไปสู่อนาคตแบบไหน
เป็นชะตากรรมของสัตว์ที่มีอำนาจในการจำและลืมเช่นมนุษย์
พิมพ์ครั้งแรก MARS
พฤศจิกายน 2547
Comments
Post a Comment