เหตุใดการทำรัฐประหารจึงผิด



ครอบรอบ 5 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน
ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 19 กันยายน 2554



ไม่ได้เตรียมบทกวีมานะครับ ที่เตรียมมาวันนี้คือเตรียมมาอภิปรายบทความที่ผมเขียน ซึ่งเผยแพร่ไปแล้วทางอินเตอร์เน็ต ชื่อบทความคือสิทธิธรรมเหนือสิทธิเสรีภาพ แหล่งอำนาจและรากเหง้าของของปัญหาสังคมการเมืองไทย

ทำไม การรัฐประหารถึงเป็นสิ่งที่ผิด  ทำไมมันถึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทำไมลุงนวมทองต้องแลกชีวิต ทำไมการไปถ่ายรูปกับรถถังมันถึงเป็นเรื่องน่าละอาย ทำไมการไปมอบดอกไม้ให้กับทหารที่ทำรัฐประหารถึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทำไมมันถึงเป็นสิ่งล้าหลัง ทำไมมันถึงป่าเถื่อน ทำไมลุงนวมทองต้องสละชีวิต

มนุษย์สมัยก่อน เมืองไทยสมัยก่อน ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย สมัยก่อนปกครองด้วยกำลัง คือสมัยดึกดำบรรพ์นะ กำลัง สมัยมนุษย์ถ้ำ เราปกครองด้วยกำลัง ใครแข็งแรงกว่าคนนั้นก็มีอำนาจ หลังจากนั้นมนุษย์ชาติเจริญขึ้นมาหน่อย เราปกครองด้วยผี ปกครองด้วยการนับถือเทวดา นับถือพระเจ้า ฝรั่ง ยุโรปยุคกลางปกครองด้วยพระ ด้วยศาสนจักรที่อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากพระเจ้า ได้รับมอบโองการจากพระเจ้า ให้มาปกครองมนุษย์ ประเทศไทยก็อ้างพระพุทธเจ้า อ้างผี อ้างเทวดา

กษัตริย์ผู้ปกครองสมัยก่อน เขาเรียกว่าหน่อพุทธางกูร หมายถึงว่าสืบเชื้อสายมาจากพระพุทธเจ้านะครับ กษัตริย์อยุธยาเป็นสมมุติเทพ ได้รับอำนาจจากพระพุทธเจ้า จากเทวดา จากผี จากคุณธรรม ความดีงาม เหนือมนุษย์ใด ๆ ก็ตาม นี่คือรูปแบบการปกครองซึ่งเราเรียกกันว่าระบบสิทธิธรรม คือการอ้างอำนาจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากพระเจ้า อ้างอำนาจจากพระพุทธเจ้า จากเทวดา จากผี จากความดีงามเหนือมนุษย์ ความดีงามที่สูงส่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป

กรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ปกครองด้วยระบบสิทธิธรรมนะครับ  ฝรั่งยุโรปจนถึงศตวรรษที่ 18  ปกครองด้วยระบบสิทธิธรรม ปกครองด้วยการอ้างคุณธรรมความดีเหนือมนุษย์ของผู้ปกครอง ซึ่งสามัญชนทั่วไปไม่มี เพราะผู้ปกครอง กษัตริย์ประเทศต่าง ๆ เชื่อมโยงกับคุณธรรมความดีงามเหนือมนุษย์นั้นๆ  กษัตริย์ผู้ปกครองจึงมีอำนาจปกครองเหนือมนุษย์ เหนือชีวิตและความตายของคน นี่คือระบอบสิทธิธรรม นี่คือสมัยก่อน

ยุโรปศตวรรษที่ 18 เกิดระบบเหตุผล เกิดวิทยาศาสตร์ คนตระหนักรู้ว่าคนทุกคนเท่ากัน  มนุษย์ทุกคนเท่ากัน มนุษย์ทุกคนเกิดมาเหมือน ๆ กัน มีมือมีเท้ามีสมองมีหัวใจเหมือนกัน ไม่มีใครได้รับโองการจากพระเจ้าเป็นพิเศษ ไม่มีใครได้รับอำนาจเหนือมนุษย์วิเศษพิสดาร มีคุณงามความดี มีอำนาจพิเศษเหนือมนุษย์ทั้งปวง ไม่มีนะครับ นี่คือยุโรปเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ศตวรรษที่ 18 ของฝรั่งเรียกว่ายุค Enlightenment แปลว่ายุคแสงสว่างบ้านเราเรียกกว่ายุคตาสว่าง ศตวรรษที่ 18 ฝรั่งตาสว่างว่าคนทุกคนเท่ากันไม่มีใครได้รับโองการสวรรค์มีอำนาจมีคุณงามความดีเหนือใครทั้งสิ้น

ผมขออนุญาตอ่าน ข้อความของนักปราชญ์ฝรั่ง

ความสว่างคือการปลดปล่อยคนออกจากตัวตนแห่งความเสื่อมซึ่งอยู่ในโอวาท การอยู่ในโอวาทของคน คือความไม่สามารถที่จะมีความเข้าใจโดยปราศจากการชี้นำจากผู้อื่น ตัวตนอันเสื่อมสภาพนี้คือสิ่งที่อยู่ในโอวาทและมันก่อให้เกิดความลวง ไม่ใช่เพราะไม่สามารถใช้เหตุผล แต่เพราะขาดไร้ซึ่งการตัดสินใจ และความกล้าหาญที่จะใช้เหตุผล โดยปราศจากการชี้นำของผู้อื่น จงกล้าที่จะรู้ จงกล้าที่จะใช้เหตุผลของคุณเอง

นี่คือคำกล่าวของนักคิดที่ชื่อว่า อิมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant)

อะไรคือตัวตนแห่งความเสื่อม ทำไมคนจึงไม่ต้องอยู่ในโอวาท คานท์ต้องการบอกอะไร นักคิดของฝรั่งเขาต้องการบอกอะไรกับเพื่อนร่วมชาติของเขา

เขาต้องการบอกว่าคนทุกคนเกิดมาเท่ากัน ไม่มีใครมาจากพระเจ้าเพียงคนเดียว ไม่มีใครได้รับอำนาจวิเศษจากเทวดาคนเดียว ไม่มีใครได้รับอำนาจคุณงามความดีจากสิ่งเหนือมนุษย์กว่าใครอื่น ไม่มี

มนุษย์เกิดมาเสรี แต่เขาถูกพันธนาการอยู่ทุกแห่งหนนี่คือคำกล่าวของรุสโซ่ นักคิดอีกคนหนึ่ง มนุษย์เกิดมาเท่ากัน มนุษย์เกิดมาเสรีคนจึงมีสิทธิ เสรีภาพแต่กำเนิด ไม่มีใครมีสิทธิมากกว่าใคร ไม่มีใครมีสิทธิมากกว่าคนอื่น ไม่มีใครมีอำนาจเหนือมนุษย์มากกว่าคนอื่น นี่คือความคิดของคนสมัยใหม่ นี่คือความคิดของโลกสมัยใหม่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 สองร้อยปีก่อน ฝรั่งรู้มาสองร้อยปีก่อน คนไทยรู้มารึยัง ไม่ถึงร้อยปี

มนุษย์เกิดมาเสรีแต่เขาถูกพันธนาการอยู่ทุกแห่งหน หมายความว่าอะไร หมายความว่าสิทธิเสรีภาพแต่กำเนิดของเขาต้องไม่ถูกล่วงละเมิด คนมีหน้าที่ต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนเพื่อรักษาสิทธิของตัวเองไม่ใช่ใครอื่น ทุกคนมีหน้าที่ต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่เพื่อสิทธิเสรีภาพของตัวคุณเอง มนุษย์เกิดมาเสรีแต่เขาถูกพันธนาการอยู่ทุกแห่งหน เขาถูกพันธนาการเพราะว่าเขามีหน้าที่ต้องปกป้องสิทธิของมนุษย์เพื่อรักษาสิทธิของตัวเองนี่คือโลกสมัยใหม่ นี่คือคนที่เจริญแล้ว นี่คือการเลิกอยู่ในโอวาทของอำนาจเหนือมนุษย์ เลิกอยู่ใต้อำนาจของคุณธรรมความดีแบบเหนือมนุษย์ เพราะมนุษย์เกิดมาเท่ากัน

ดังนั้น อำนาจของผู้ปกครอง อำนาจของผู้มีสิทธิ์ที่จะปกครองจึงต้องมาจากสิทธิของคนแต่ละคน แต่ละคนมีหนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียงเท่ากัน นี่คือความหมายของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ เพราะคนมีสิทธิทุกคนแต่ละคนมีหนึ่งสิทธิ์ แล้วเราก็เอาสิทธิ์มารวมกันเป็นสิทธิ์ใหญ่ เลือกผู้ปกครองขึ้นมาใช้อำนาจแทนเรา นี่คือทำไมจึงต้องมีการเลือกตั้งและทำไมรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีใครมีอำนาจเหนือมนุษย์ มาจัดตั้งรัฐบาลเองแล้วให้รัฐบาลนั้นปกครองคนทั้งประเทศ ไม่มี นั้นไม่ใช่สมัยใหม่ นั้นคือสมัยเก่า นั้นคือระบอบสิทธิธรรม หรือ อภิสิทธิธรรม เพราะคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่นจึงมีอำนาจ เลือกคนดีกว่าคนอื่น เพราะเชื่อว่ามีอำนาจเหนือมนุษย์ที่จะมาชี้ขาดได้เพียงคนเดียว ว่าใครคือคนดี ใครควรเป็นนายกรัฐมนตรี

สังคมไทยสมัยรัชกาลที่ 5 มีนักเขียนชื่อ เทียนวรรณ  เรียกร้องให้มีรัฐสภา  เรียกร้องให้มีการปกครองแบบสมัยใหม่  เรียกร้องให้คนต้องเท่ากัน แต่เทียนวรรณถูกจับเฆี่ยนฐานหมิ่นตราราชสีห์และถูกขัง  ถูกจับขังคุกอยู่ 18 ปี  อำมาตย์สมัยราชกาลที่ 5 บอกว่าเทียนวรรณบ้า มันเป็นไพร่ มันจะรู้อะไรเรื่องฝรั่ง

อำมาตย์และชนชั้นสูงส่งลูกไปเรียนเมืองนอก บอกว่าตัวเองรู้เรื่องฝรั่งมากกว่า  บอกว่าตัวเองรู้จักตะวันตกมากกว่า  บอกว่าตัวเองเข้าถึงความเป็นสมัยใหม่มากกว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 คืออำมาตย์ผู้ปกครองบอกว่าตัวเองรู้จักประชาธิปไตยมากกว่าชาวบ้าน ชาวบ้านไม่รู้จักประชาธิปไตย ราษฎรไม่รู้จักประชาธิปไตย ยังไม่พร้อมสำหรับการปกครองแบบสมัยใหม่ เพราะราษฎรยังไม่มีการศึกษา อำมาตย์ได้แปลงความเป็นสมัยใหม่ แปลงความเจริญก้าวหน้าแบบตะวันตกให้กลายเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งเหนือมนุษย์ แล้วมีแต่ตัวเองที่สามารถเข้าถึง

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 56 - 7  อำมาตย์ทำให้ความเป็นสมัยใหม่กลายเป็นความดีงามเหนือมนุษย์เหมือนผีเหมือนเทวดา  แล้วก็บอกว่าตัวเองเข้าถึงมากกว่าคนอื่น  ราษฎรเข้าไม่ถึงหรอกความเป็นสมัยใหม่  ชาวบ้านไม่มีการศึกษาไม่รู้จักภูมิปัญญาของฝรั่งหรอก  ผลก็คืออำมาตย์อ้างความเป็นสมัยใหม่ในการใช้สิทธิธรรมแบบเก่า  แบบโบราณปกครองต่อไป  จนกระทั่ง  2475 คณะราษฎร ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย สู่ระบบที่ทุกคนมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง แต่หลังจากนั้น หลังจากเปลี่ยนแปลการปกครองแล้วก็ยังมีรัฐประหารอยู่เรื่อยๆ มีการรัฐประหารมาตลอด  ทำไม  ทำไมจึงยังมีการรัฐประหารทุกครั้ง

ทุกครั้งที่เกิดการรัฐประหาร ทหารก็จะอ้าง  ข้อหนึ่งอ้างนักการเมืองเลว นักการเมืองโกง อ้างว่าจะซักฟอกระบบ อ้างว่าต้องชำระสะสางระบบการเมือง อ้างชาติ อ้างศาสนา อ้างพระมหากษัตริย์ อ้างว่าตัวเองทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และทุกครั้งที่ทหารอ้างอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ต่างๆ ข้าราชการต่างๆ สำนักราชวังไม่เคยปฏิเสธท้วงติงแม้แต่ครั้งเดียว ศาลไม่เคยปฏิเสธทวงติงแม้แต่ครั้งเดียว ข้าราชการไม่เคยปฏิเสธท้วงติงแม้แต่ครั้งเดียว แม้แต่การรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยา ก็ไม่มีการปฏิเสธจากสำนักราชวัง  ต่อมาภายหลังสมัยรัฐบาลสมัคร ตอนที่กรรมาธิการองค์กรตามรัฐธรรมนูญเรียกเลขาธิการ ปปช. เข้าชี้แจง ก็ยังมีหนังสือออกมาจากสำนักราชวังว่าคณะยึดอำนาจ ถือเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่มีอำนาจเด็ดขาดไม่ต้องโปรดเกล้า

อำนาจของทหารมาจากไหน ทำไมการรัฐประหารถึงเป็นสิ่งที่ผิด

ก็เพราะว่าทหารไม่มีสิทธิเหนือคนอื่น การที่ทหารยึดอำนาจ ข้อแรก ทหารใช้ปืน ทหารใช้กำลัง ใช้อำนาจดึกดำบรรพ์ ข้อสอง ทหารอ้างว่านักการเมืองเลว แสดงว่าตัวเองดีกว่า บริสุทธิ์กว่า วิเศษกว่า ข้อสามทหารอ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทหารอ้างคุณงามความดีเหนือมนุษย์ ผ่านชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ทหารอ้างสิทธิธรรมก่อนสมัยใหม่อ้างว่าตัวเองเป็นตัวแทนของอำนาจความดีงามเหนือมนุษย์อื่น เหนือนักการเมือง เหนือประชาชน จึงมีสิทธิยึดอำนาจมาไว้กับตัวเอง

ทำไมรัฐประหารถึงเป็นสิ่งที่ผิด ทำไมมันถึงเป็นความล้าหลัง ป่าเถื่อน เพราะมันทำลายสิทธิพื้นฐาน ทำลายสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของมนุษย์ทุกคนในสังคมที่โลกสมัยใหม่ไม่ยอมรับอีกต่อไปแล้ว  การรัฐประหารมันผิดเพราะมันทำลายหลักการสำคัญที่สุดของความเป็นมนุษย์ นั้นคือสิทธิพื้นฐานและเจตจำนงเสรี มันละเมิดสิทธิพื้นฐานมันจึงผิด  ฝ่ายที่ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐประหารเป็นสิ่งที่ผิดคือคนที่เรียนสูง จบจากเมืองนอก คือศาล คือข้าราชการ ชนชั้นสูงไม่เคยเข้าใจหลักการนี้ ไม่เข้าใจว่าถ้าสิทธิพื้นฐานถูกทำลายแล้ว  อำนาจที่ชอบธรรมจะเอามาจากไหน นอกจากอำนาจโบราณป่าเถื่อน ซึ่งเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน เชื่อว่ามีใครมีอำนาจวิเศษเหนือมนุษย์ มีคนดีพิเศษเหนือมนุษย์อยู่และไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องเท่ากันนี่คือความคิดความเข้าใจของคนที่เรียนสูงๆทั้งนั้น

ทำไมลุงนวมทองถึงเข้าใจ ไม่ต้องจบนอก ไม่ต้องออกฟอร์ด ไม่ต้องอ้างคำภีร์ ก็เข้าใจได้ว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการเป็นโลกสมัยใหม่ เข้าใจว่าสิทธิ เสรีภาพคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร แล้วทำไมรัฐสภา นักการเมือง รัฐบาล ศาล นักกฎหมาย องค์กรอิสระ สถาบันทางสังคมการเมือง คนไทยอีกจำนวนไม่น้อย ไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าที่เบื้องต้นของตนคือต้องปกป้องสิทธิพื้นฐานนี้ เพราะว่ามันเป็นแหล่งอำนาจที่ชอบธรรมเพียงแหล่งเดียวของพวกคุณเอง ของศาลเอง ขององค์กรอิสระเอง ของรัฐบาลเอง ของนักการเมืองเอง ไม่เข้าใจ นี่คือแหล่งอำนาจที่ชอบธรรมของตัวคุณเอง ถ้าไม่เชื่อในความเท่าเทียมจะเอาอำนาจมาจากไหน นอกจากอำนาจโบราณ แหล่งอำนาจเพียงแหล่งเดียวที่จะยอมรับได้คืออำนาจจากเจตจำนงเสรีของคนแต่ละคน นี่คือหลักการของความเท่าเทียมกันซึ่งเป็นหลักการของโลกสมัยใหม่ที่เราเรียกร้อง

ประชาชนจะเป็นประชาชนได้ยังไงถ้าไม่มีสิทธิ เสรีภาพความเท่าเทียม ประชาชนจะกลายเป็นไพร่ ต้องอยู่ในโอวาทของสิ่งเหนือมนุษย์ มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่การตระหนักของทุกคน คนดีไม่มีอำนาจทางการเมืองเหนือคนอื่นเพราะเราไม่เชื่อว่ามีอำนาจเหนือมนุษย์มากำหนดว่าอะไรดีอะไรเลวแต่เราเชื่อในสิทธิ เสรีภาพ เราเชื่อว่าเรามีสิทธิ์ที่เราจะใช้ดุจพินิจของเราเอง พิจารณาเองว่าอะไรดีอะไรเลว ไม่ต้องมาให้สิ่งเหนือมนุษย์มาบอก สิ่งที่เราต้องการคือสิทธิในการตัดสินใจเอง นี่คือสาระของความเท่าเทียมของยุคสมัยใหม่ นี่คือความยิ่งใหญ่ของลุงนวมทอง

ลุงนวมทองรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนทุกคนและเห็นความสำคัญก่อนทุกคน  ก่อนที่คนมีการศึกษา ก่อนที่คนเรียนสูงจบดอกเตอร์ ก่อนทหารโง่ๆที่ออกมายึดอำนาจ

ขอคารวะแด่ลุงนวมทอง ไพรวัลย์

Comments